ธอส.จับมือ SAM ให้กู้ซื้อบ้านมือสอง 3 ปีแรก ดบ.เพียง 3.8% /ปี

HoonSmart.com>>”ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)”เซ็นสัญญากับบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) สนับสนุนสินเชื่อ 800 ล้านบาท สำหรับซื้อบ้านมือสองจาก SAM ไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกต่ำสุดเพียง 3.80% ต่อปี  ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท จ่ายปีแรก 4,700  บาท  เพิ่มโอกาสให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง  ธอส.ลั่นตรึงดอกเบี้ยถึงกลางปี เชื่อวิกฤตแบงก์กดดันเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย ผลงานม.ค.-15 มี.ค.ปล่อยสินเชื่อ3.7 หมื่นล้านบาท  รับ NPLs เดือนม.ค.โผล่ 4 พันล้านบาท ก.พ.ลดลงเหลือ 700 ล้านบาท ปลายปีขนหนี้เสียประมูล 1 หมื่นล้านบาท 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และนายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางธุรกิจผ่าน “โครงการสินเชื่อบ้าน บสส.(SAM) by GHB” วันที่ 16 มี.ค. 2566  โดยธอส.เตรียมกรอบวงเงินรวม 800 ล้านบาท จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกต่ำสุดเพียง 3.80% ต่อปี เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านมือสองจาก SAM เข้าถึงสินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยมีภาระการผ่อนชำระเงินงวดลดลงเมื่อเทียบกับการผ่อนเงินดาวน์เฉลี่ยเดือนละ 2,000-3,000 บาท เพิ่มโอกาสให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านมือสอง(ทรัพย์ NPA) จากบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM)ได้มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษได้ง่ายยิ่งขึ้น กรอบวงเงินรวม 800 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 – 3 เท่ากับ MRR-2.60% ต่อปี (3.80%) ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% (5.40%) และกรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% (5.90%) กรณีกู้ซื้ออุปกรณ์ฯ = MRR

วัตถุประสงค์การให้กู้ เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย โดยผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นปีแรกเพียงเดือนละ 4,700 บาทเท่านั้น สามารถลดภาระการผ่อนชำระเงินงวดลงเมื่อเทียบกับการผ่อนเงินดาวน์เฉลี่ยเดือนละ 2,000-3,000 บาท ยื่นคำขอกู้อนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2567

“ธอส.พร้อมจะสนับสนุนสินเชื่อมากกว่า 800 ล้านบาท หากมีความต้องการเพิ่มขึ้น และให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ จากอัตราปกติ 4.25% ซึ่งคาดว่าจะสามารถรักษาดอกเบี้ยระดับนี้ไปจนถึงกลางปี 2566 เพราะเชื่อว่าวิกฤตแบงก์จะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย ”

ส่วนผลการดำเนินงาน นายฉัตรชัยกล่าวว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 15 มี.ค.2566 ธอส.ได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้วประมาณ 37,000 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย ขณะที่มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPLs) ในเดือนม.ค. จำนวน 4,000 ล้านบาท และเดือนก.พ.ลดลงเหลือ 700 ล้านบาท คาดว่าในช่วงปลายปีนี้จะนำหนี้ NPLs ออกมาประมูลขายจำนวน 10,000 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนหนี้ NPLs ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 4.25%

นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) กล่าวว่า การลงนาม MOU ครั้งนี้ ซึ่งนำมาสู่การเปิดตัวแคมเปญ “สินเชื่อบ้าน บสส. (SAM) by GHB” และโปรโมชั่น “กู้ได้ให้เลย” สำหรับวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นการให้บริการทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าของ SAM ควบคู่กัน โดยความร่วมมือที่เกิดขึ้น มีส่วนสำคัญในการเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าหรือผู้สนใจที่กำลังมองหาหรือต้องการซื้อทรัพย์สินเพื่อการอยู่อาศัย อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุดพักอาศัย อาคารพาณิชย์ ฯลฯ ในทำเลดีและราคาเหมาะสมทั่วประเทศจาก SAM ด้วยวิธีเสนอซื้อตรงหรือประมูล จะได้รับสิทธิ์และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

ในการขอสินเชื่อผ่าน ธอส. พร้อมบัตรสมนาคุณเพิ่มเติมจาก SAM ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ส่วนลูกค้าเก่าของ SAM ที่อยู่ในโครงการ SAM Super Light ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าอยู่ระหว่างผ่อนชำระจำนวน 364 รายนั้น สามารถยื่นขอสินเชื่อตามเงื่อนไขของโครงการได้เช่นกัน และคาดว่าจะได้รับความสนใจและตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ในฐานะที่ SAM เป็นหนึ่งในเครื่องมือการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของภาครัฐ ความร่วมมือที่เกิดขึ้นครั้งนี้ นับว่าเป็นการช่วยนำส่งคืนสินทรัพย์ที่ทิ้งร้างกลับมาใช้ประโยชน์ ต่อยอด หรือสร้างมูลค่าเพิ่มอันเป็นการส่งเสริมความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

สำหรับโปรโมชั่น “SAM Super Light” ที่ SAM จัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่ต้องการให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะลูกค้าประชาชนรายย่อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ภายใต้แนวคิด “ซื้อคุ้มกว่าเช่า” โดยคิดเป็นค่าผ่อนง่าย ๆ เพียงล้านละ 7,500 บาท/เดือน ซึ่งการผ่อนชำระค่าซื้อทรัพย์ในช่วง 4 ปี แบบไม่มีดอกเบี้ยนี้จะช่วยลดยอดเงินค่าซื้อทรัพย์ที่ต้องจ่ายในงวดสุดท้ายลงได้ถึง 40% คงเหลือเงินที่ต้องไปขอสินเชื่อกับธนาคารเพื่อนำมาชำระงวดสุดท้ายเพียง 60% เท่านั้น ส่งผลให้เงินค่าซื้อทรัพย์ส่วนที่เหลืออยู่จะอยู่ในเกณฑ์ LTV (เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) ประกอบกับประวัติการผ่อนชำระอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องถึง 4 ปี ก็จะช่วยสร้างเครดิตให้กับลูกค้า ที่จะมีส่วนช่วยทำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้าได้ง่ายขึ้น