บล.กสิกรฯมองแนวรับหุ้น 1,590-1,575 จุด ติดตามฟันด์โฟลว์ การเมือง เงินเฟ้อสหรัฐ

HoonSmart.com>> “บล.กสิกรไทย” วางแนวรับหุ้นสัปดาห์หน้าที่ระดับ 1,590 และ 1,575 จุด หลังดัชนีหลุด 1,600 จุด ต่างชาติขายหุ้นสัปดาห์ก่อน 10,147 ล้านบาท ส่วนแนวต้านแรก 1,620 จุด ติดตามฟันด์โฟลว์ การเมืองภายในประเทศ เงินเฟ้อสหรัฐฯ ประชุม ECB ด้านค่าเงินบาท “ธนาคารกสิกรไทย” มองกรอบเคลื่อนไหว 34.50-35.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองแนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์หน้า (13-17 มี.ค.) ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,590 และ 1,575 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,620 และ 1,630 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และประเด็นการเมืองภายในประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ. ของยูโรโซน และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.พ. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงหลุดกรอบ 1,600 จุด ทั้งนี้ หุ้นไทยดีดตัวขึ้นในช่วงแรก โดยมีแรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของไทยที่ชะลอตัวลงและแตะระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน ก่อนจะร่วงลงในเวลาต่อมาโดยถูกกดดันจากถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าคาดเพื่อคุมเงินเฟ้อ โดยหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวลงแรง ได้แก่ กลุ่มพลังงาน แบงก์และไฟแนนซ์

อย่างไรก็ดีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงสั้นๆระหว่างสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุน โดยเฉพาะหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง จากความคาดหวังเรื่องแนวโน้มธุรกิจ

ในวันศุกร์ (10 มี.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,599.65 จุด ลดลง 0.45% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 56,404.50 ล้านบาท ลดลง 11.61% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.50% มาปิดที่ระดับ 560.13 จุด

ด้านธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.50-35.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม ECB ทิศทางเงินลงทุนของต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีราคาผู้ผลิต และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.พ. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์จากมุมมองผู้บริโภค ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของยูโรโซน และข้อมูลเศรษฐกิจจีน อาทิ ยอดค้าปลีก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนม.ค.-ก.พ. เช่นกัน

ในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.03 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (3 มี.ค.)

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 6-10 มี.ค. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 10,381 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สองที่ 9,157 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 10,147 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้หมดอายุ 990 ล้านบาท)