“อีสท์สปริง” เผยกองทุนพันธบัตรไทยฮอต เสริฟกองใหม่ขาย 9-15 มี.ค.

HoonSmart.com>> “บลจ.อีสท์สปริง” เสริฟกองเทอมฟันด์ลงทุนพันธบัตรไทย รับความต้องการต่อเนื่อง เปิดจองกองทุนใหม่ 9-15 มี.ค.นี้ ลงทุน 1 ปี สร้างโอกาสรับผลตอบแทน 1.60% ต่อปี จองซื้อ 9-15 มี.ค.นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท

ดารบุษป์ ปภาพจน์

นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ขณะนี้ความต้องการกองทุนประเภทเทอมฟันด์ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นความสำเร็จจากการขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 1 ปี ที่สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของนักลงทุนจำนวนมากที่กำลังมองหาโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอนภายใต้ความเสี่ยงต่ำ บริษัทฯ จึงเตรียมเปิดเสนอขาย “กองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐบาล 1Y8” (ES-GOV1Y8) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 9-15 มีนาคม ศกนี้

กองทุนนี้มีนโยบายนำเงินไปลงทุนในตราสารภาครัฐ อาทิ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน ในอัตราส่วนเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุน ซึ่งกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (Hedging) ทั้งนี้กองทุนจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยในสัดส่วน 100% ที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 1.75% ต่อปี โดยหลังจากหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.15% ต่อปีของ NAV แล้ว คาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 1.60% ต่อปีของ NAV

สำหรับกองทุน ES-GOV1Y8 เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐ จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก โดยจะลงทุนครั้งเดียว และถือทรัพย์สินที่ลงทุนจนครบอายุโครงการ (Buy and Hold) โดยบริษัทฯ จะดำเนินการให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ และทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยทุกราย ไปยังกองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทจัดการเปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในวันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงกา

อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้ โดยผู้ลงทุนจะไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงเวลา 1 ปีได้ ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก และบริษัทจัดการจะสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้ เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ