HoonSmart.com>>ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก ลงนามบันทึกข้อตกลงกับ กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโล เรื่องการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ EV Station PluZ สำหรับพื้นที่โรงพยาบาลพญาไทและเปาโลฯ โดยจะติดตั้งรวม 11 แห่งทั่วประเทศ มุ่งความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 สู่เป้าหมายองค์กรที่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050
นายพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน พร้อมด้วยนายพีรเวท ณ ระนอง ผู้จัดการส่วนกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจEV อีโคซิสเท็ม บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และนายอิทธิ ทองแตง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโล พร้อมด้วย นางศศิธร มูลสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มพรีเมี่ยม เครือ รพ.พญาไท-เปาโล รักษาการผู้อำนวยการสายจัดซื้อและบริหารคลังสินค้าและผู้อำนวยการประจำสำนักประธานคณะผู้บริหารเครือ รพ.พญาไท-เปาโล ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ EV Station PluZ สำหรับพื้นที่โรงพยาบาลพญาไทและเปาโลฯ โดยจะติดตั้งรวม 11 แห่งทั่วประเทศ ถือเป็นการขยายเครือข่ายการให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ ในพื้นที่สถานพยาบาล ซึ่งคาดว่าจะสามารถติดตั้งได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
นายพิมาน กล่าวว่า ความร่วมมือกับเครือ รพ.พญาไท-เปาโล ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำธุรกิจโรงพยาบาลในประเทศไทย ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ ในพื้นที่โรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโลฯ รวม 11 แห่งทั่วประเทศในครั้งนี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าผู้ใช้รถไฟฟ้าที่มาใช้บริการในโรงพยาบาลสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Statoin PluZ ได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่หันมาใช้รถไฟฟ้าและให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโมบายแอปพลิเคชัน ‘EV Station PluZ’ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาสถานีชาร์จ EV Station PluZ จองเข้าใช้บริการ ชำระเงินออนไลน์ และตรวจสอบประวัติการใช้งาน รวมทั้งยังสามารถแจ้งข้อมูลสถานะของสถานีชาร์จแต่ละแห่ง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมเวลาการเข้าชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากจะเป็นไปตามพันธกิจ Seamless Mobility ของ OR ที่มุ่งมั่นผลักดันธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และออกแบบระบบนิเวศสำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (Ecosystem Design) อย่างเหมาะสม เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว ยังสอดคล้องกับแนวทางการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน OR’s SDG หรือ SDG ในแบบของ OR ที่จะตอบโจทย์เป้าหมาย “G” หรือ “GREEN” ที่มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) ในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon-neutrality) ภายในปี 2030 อันจะนำไปสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Carbon Zero) ในปี 2050 ต่อไป