HoonSmart.com>> “มอร์ รีเทิร์น” เปิดงบปี 65 กำไร 13.90 ล้านบาท วูบ 99% จากปี 64 กำไร 1,159 ล้านบาท รายได้ลดลง ปีก่อนบุ๊กรายการพิเศษหนุน ด้านบริษัทในกลุ่ม 2 แห่งติดหนี้คงคงค้างและยังไม่มีแผนใช้คืนรวมดอกเบี้ยเกือบ 120 ล้านบาท ด้าน ” ไพร์มไทม์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” ปิดกิจการ บอร์ดตั้ง ‘กวิน เฉลิมโรจน์’ รักษาการ CEO แทน ‘อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ’
บริษัท มอร์ รีเทิร์น (MORE) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2565 มีกำไรสุทธิ 13.90 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.002 บาท ลดลงจากปี 2564 มีกำไรสุทธิ 1,158.67 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.177 บาท
บริษัทฯ มีกำไรสุทธิของงบการเงินรวมจำนวน 12.01 ล้านบาท คิดเป็น 8.56% ของรายได้รวม เมื่อเทียบงวดปีก่อน กำไรสุทธิลดลง 1,146 ล้านบาท หรือ 98.96% ส่วนใหญ่ลดลงมาจากกำไรจากการเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 1,055 ล้านบาทและรายได้อื่นจากการกลับรายการค่าเผื่อประมาณการหนี้สินจากภาระค่ำประกันจำนวน 99.29 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีกำไรจากการวัดมูลค่าใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวน 25.62 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 64,157,461 หน่วย จากบริษัท เฮลท์ เอ็มไพร์ คอร์ปอเรชั่น (HEMP)
ในงบการเงินรวม บริษัทมีรายได้หลักจากการประกอบธุรกิจ รวม 101.26 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) รายได้จากส่วนงานบริการ 34.14 ล้านบาท (2) รายได้ส่วนงานสาธารณูปโภค 46.12ล้านบาท และ (3) รายได้ส่วนงานซื้อมาขายไป 21.00 ล้านบาท คิดเป็น 34% , 45% และ 21% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 รายได้รวมทุกส่วนงานลดลง 26.46 ล้านบาทหรือ 20.72%
ส่วนใหญ่รายได้ลดลงจากงวดก่อน มาจากส่วนงานบริการจากการที่บริษัทย่อยยกเลิกสัญญาจ้างบริหารจัดการบุคลากรและดูแลศูนย์ USO ตั้งแต่เดือนมิ.ย.65 เป็นต้นไป ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากส่วนงานบริการมีสัดส่วนเปลี่ยนแปลงไป จากอัตรา 51% เป็น 34% ของรายได้รวม ซึ่งจะเห็นได้ว่า รายได้ส่วนงานบริการมียอดลดลงจากงวดก่อนจำนวน 31.29ล้านบาทหรือลดลง 47.82%
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีสัดส่วนรายได้ของส่วนงานสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นจากอตัรา 18% เป็น 45% และมีสัดส่วนรายได้มากที่สุด เนื่องจากบริษัทเริ่มรับรู้รายไดจ้ากบริษทัย่อยในธุรกิจจา หน่ายน้า ประปาแห่งใหม่ ตั้งแต่เดือนมี.ค.2565 อีกทั้งในเดือนมิ.ย.2565 รัฐบาลเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด ทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อน ทำให้รายได้ส่วนงานสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 22.95 ล้านบาท หรือ 99.02%
อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทมีรายได้จากกำไรการวัดมูลค่าใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญและยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวก่อนจากส่วนงานสาธารณูปโภคในการจำหน่ายน้ำประปาเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของบริษัทย่อยในธุรกิจจำหน่ายน้ำประปาตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. ได้แก่ บริษัท เควอเตอร์เวิร์คเอ็น จิเนียริ่งและยังมีกำไรขั้นต้นจากทุกส่วนงาน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565
ณ วันที่ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565 บริษัทฯ มีหนี้คงค้างจากบริษัท ไพร์มไทม์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (PTE) ที่ปล่อยกู้โดยบริษัท มอร์พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อย 99.99% (PROP) ยอดหนี้คงเหลือเป็นเงินต้น 31.62 ล้านบาทและดอกเบี้ย 12.97 ล้านบาท ปัจจุบัน PTE ไม่ได้ดำเนินธุรกิจ และสถานะทาง กรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ เป็น “บริษัทร้าง” ทำให้ยังไม่มีแผนการชำระหนี้ ซึ่งเงินให้กู้ยืมดังกล่าวบริษัทได้ตั้งเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้ครบแล้ว
นอกจากนี้บริษัท ดีเอ็นเอ เฟรซแอร์ (DNF) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 49.99% ยังมียอดหนี้คงค้างแบ่งเป็นเงินต้น 51.15 ล้านบาท และดอกเบี้ยค้างชำระ 22.43 ล้านบาท โดย 49.99% DNF ยังไม่มีแผนการชำระหนี้ดังกล่าวเนื่องจากปัจจุบัน บริษัทไม่ได้ดำเนินธุรกิจการให้เงินกู้ยืมดังกล่าวไม่ได้เป็นตามสัดส่วนการถือหุ้น เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ DNF เป็นหลัก โดยการให้กู้ยืมเงินมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปลงทุนโครงการติดตั้งสื่อโฆษณาในสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปี 2557- ปี 2558
เงินให้กู้ยืมดังกล่าวบริษทัได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้ครบถ้วนแล้ว โดยคณะกรรมการบริษัทัได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารหาแนวทางและชี้แจงความคืบหน้าในการประชุมทุกไตรมาส
ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติแต่งตั้ง นายกวิน เฉลิมโรจน์ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ แทน นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล โดยมีอายุการดำรงตำแหน่งคงเหลือเท่ากับอายุกรรมการเดิมที่เข้าดำรงตำแหน่งแทน และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทน ดร.อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ
พรอมกันนี้อนุมัติแต่งตั้ง นางสาววรรณิศา ศรีสุไชย เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ แทน นายสมเกียรติ ฉั่วศิริพัฒนา โดยมีอายุการดำรงตำแหน่งคงเหลือเท่ากับอายุกรรมการเดิมที่เข้าดำรงตำแหน่งแทน และแต่งตั้ง นางสาวกนกวรรณ บุญประกอบ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ แทน ดร. อริชัย รักธรรม โดยมีอายุการดำรงตำแหน่งคงเหลือเท่ากับอายุกรรมการเดิมที่เข้าดำรงตำแหน่งแทน ทั้งนี้ทั้งหมดมีผลตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.2566