“เจ เวนเจอร์ส” บริษัทย่อย JMART จับมือพันธมิตรผู้นำระดับโลก ด้าน Blockchain ทั้ง Microsoft และ r3 LLC ร่วมพัฒนาระบบ Blockchain โครงการ DDLP ย้ำ เสร็จพร้อมใช้งานตามแผนต.ค.62
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์และแอพพลิเคชั่นทางด้านฟินเทค และลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก และ r3 LLC ผู้นำทางด้านระบบ Blockchian ให้กับสำหรับสถาบันการเงินระดับโลก และฟินเทค ในการพัฒนาระบบ Blockchain ภายใต้โครงการ JFIN : Decentralized Digital Lending Platform หรือ DDLP หรือการโอนเงินในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัล คาดว่าจะสามารถใช้งานได้ในเดือน ต.ค.62
“กลุ่มเจมาร์ทให้ความสำคัญ และขับเคลื่อนภาคการเงินไทยให้เข้าสู่ยุคดิจิทัล บริษัทฯ เชื่อว่า บล็อกเชนจะมาเปลี่ยนแปลงการทำธุรกรรมในประเทศไทย และภาคธุรกิจที่จะเพิ่มขีดความสามารถขององค์กร ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีความปลอดภัยสูง การจับมือกับ 2 ผู้นำด้านบล็อกเชนในครั้งนี้ จะร่วมกันพัฒนาระบบการโอนเงินของ JFIN DDLP โดยใช้สกุลเงินดิจิทัล ให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้”นายธนวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบการปล่อยสินเชื่อแบบดิจิทัลไปแล้ว Digital Lending Platform (DLP) ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ต.ค.2561 แอพพลิเคชั่น”ป๋า” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการปล่อยกู้ระหว่างผู้ให้กู้และผู้กู้ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวทำให้กับ JFIN Tech บริษัทคาดว่าจะเริ่มใช้กับพนักงานในเครือเจมาร์ทไปก่อน และน่าจะขยายไปสู่องค์กรต่างๆ อย่างเห็นผลชัดเจนได้ภายใน 3-5 ปีนี้ อีกทั้งบริษัทยังมีแผนพัฒนาแพลตฟอร์มการติดตามหนี้ให้กับ JMT ในอนาคตอีกด้วย
พร้อมกันนี้ บริษัทจะเปิดตัว JFin wallet โดยผู้ถือเหรียญ JFin Coin จะสามารถนำเหรียญ JFin Coin มาแลกสินค้าของเจมาร์ทได้ เช่น กาแฟในร้านคาซ่า ลาแปง และสินค้าในกลุ่มโทรศัพท์มือถือ คาดเริ่มใช้ได้ในสัปดาห์นี้เป็นต้นไป
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การผนวกเทคโนโลยีคลาวด์และบล็อกเชนนั้น คือการสร้างสรรค์ใหม่ที่ช่วยให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การตรวจสอบ ซึ่งจะสามารถยกระดับกลไกที่รัดกุมทั้งอีโคซิสเต็มส์ นำมาซึ่งโซลูชันที่ทำให้ผู้ให้บริการและผู้รับบริการดำเนินงานได้อย่างถูกต้องตามข้อกำหนดอย่างปลอดภัยและมั่นใจ ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าโซลูชันบล็อกเชนเมื่ออยู่บนไมโครซอฟท์ อาซัวร์ซึ่งเป็นระบบคลาวด์ที่ปลอดภัยและถูกต้องตามข้อกำหนดในระดับโลก จะสามารถลดช่องโหว่ต่างๆ ลงได้ ป้องกันไม่ให้ภัยคุกคามทางไซเบอร์เข้าถึงลูกค้า ไม่ให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูล ลดการฉ้อโกง และการกระทำผิดทุกประเภทได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน คือการสร้างกลไกหลักทางดิจิทัลที่เชื่อถือและไว้ใจได้ให้มาขับเคลื่อนธุรกิจและสังคมอย่างมั่นคงและยั่งยืน