HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดลบ 7.01 จุด แรงถ่วงจากกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด-งบฯส่วนใหญ่ต่ำกว่าคาด หวั่นถูกปรับลดประมาณการ-GDP ไทยต่ำกว่าคาด นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,899.85 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,480.66 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้จะผันผวน แนวรับ 1,640 แนวต้าน 1,660 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 23 ก.พ.2566 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,652.47 จุด ลดลง 7.01 จุด หรือ -0.42% มูลค่าซื้อขาย 56,102.34 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,658.92 จุด ต่ำสุด 1,647.37 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,899.85 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 937.89 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,480.66 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,357.08 ล้านบาท
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นชะลอตัวตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะปรับตัวลง เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวก-ลบชัดเจน และยังได้แรงถ่วงจากความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาช่วงนี้เริ่มเห็นสัญญาณบวก ซึ่งก่อนหน้านี้งบฯออกมาผิดคาดส่วนใหญ่เป็นจากกลุ่มพลังงาน แต่ช่วงนี้สัญญาณงบฯดีมาจากกลุ่มที่อิงในประเทศ
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASP) กล่าวว่า แรงกดดันหลักของตลาดมาจากเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาต่ำกว่าคาด ถึง 27% ของที่ประกาศออกมาแล้วทั้งหมด ทำให้มีโอกาสที่จะถูก Downgrade ซึ่งเป็นที่มาของแรงขาย นอกจากนี้ GDP ไทยออกมาต่ำกว่าคาดมาก ทำให้โมเมนตัมอาจเสียไปหรือเปล่า ส่งผลให้นักลงทุนต่างาติขายหุ้นไทยออกมา อย่างไรก็ดี ช่วงนี้ต้องติดตามการทยอยประกาศประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ (24 ก.พ.) นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดมีโอกาสที่จะผันผวน โดยมีแนวรับ 1,640 จุด แนวต้าน 1,660 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 137.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.37% มูลค่าซื้อขาย 3,074.87 ล้านบาท
BANPU ปิดที่ 11.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +0.89%มูลค่าซื้อขาย 2,569.48 ล้านบาท
PTT ปิดที่ 32.25 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -1.53% มูลค่าซื้อขาย 1,561.08 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 65.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -2.26% มูลค่าซื้อขาย 1,537.43 ล้านบาท
MINT ปิดที่ 34.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +2.24% มูลค่าซื้อขาย 1,400.57 ล้านบาท