HoonSmart.com>> “ปัญจวัฒนาพลาสติก” มองแนวโน้มธุรกิจปี 66 สดใส มั่นใจผลงานเทิร์นอะราวด์ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ หนุนดีมานด์บรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและนมพุ่ง นิวโมเดลเข้าดันยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ทะลัก ด้าน CEO ลั่นลุยขยายธุรกิจ New S-curve ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกคาดเริ่มผลิตได้ในปีนี้ พร้อมจับมือพันธมิตรหนุนโตก้าวกระโดด บอร์ดเคาะปันผลอีก 0.05 บาท/หุ้น
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯคาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อนโดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไว้ที่ 10% เนื่องจากภาครัฐเดินหน้านโยบายเปิดเมืองเต็มรูปแบบรวมถึงประเทศจีนเปิดประเทศได้เร็ว ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้สินค้าหลักของบริษัทในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่นและนมเปรี้ยว รวมถึงบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคอื่นๆ กลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย
นอกจากนี้ จากปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิปที่ขาดแคลนเริ่มคลี่คลายส่งผลให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์พลาสติกมีความต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีงานโมเดลรถยนต์รุ่นใหม่กับลูกค้าผู้ผลิตรถยนต์จากค่ายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายชิ้นส่วนพลาสติกของอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นที่เป็นปัจจัยบวกคือแนวโน้มต้นทุนราคาวัตถุดิบ ค่าพลังงาน เริ่มทยอยปรับตัวลงต่อเนื่องและอานิสงฆ์ของค่าเงินบาทที่มีความเสถียรภาพมากขึ้น
“บริษัทฯยังคงเดินหน้าที่จะเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S-curve ผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยอยู่ระหว่างเพิ่มสายการผลิตในส่วนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ คาดจะเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้ รวมทั้งยังคงเปิดโอกาสในการศึกษาและหา Synergy ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพโดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งจะเป็นอีกธุรกิจที่จะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างแน่นอน” นายวิวรรธน์กล่าว
สำหรับภาพรวมมผลการดำเนินงานในงวดปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 3,361 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 274 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,087 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 83.5 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดจากยอดขายอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภาพรวมที่เติบโตขึ้นจากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวรวมถึงมีรายได้จากงานบริการของบริษัทย่อย มาสเตอร์ลอนดรี้ ประกอบกับราคาขายทยอยปรับตัวสูงขึ้นตามราคาเม็ดพลาสติก ขณะที่กำไรลดลง เนื่องจากมีการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องที่เมืองเจียงซูและเมืองเทียนจิน ประเทศจีนจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องหยุดผลิต แต่ปัจจุบันเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติรวมทั้งได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้าและแก๊สหุงตัม รวมถึงค่าแรง ค่าขนส่งที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วทำให้ไม่สามารถปรับราคาได้ทันส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเสนอวาระการจ่ายเงินปันผลเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นโดยขออนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 เพิ่มเติมหลังการจ่ายหุ้นปันผลและเงินสดในเดือนต.ค.ปี 2565 ที่ผ่านมา โดยเสนอที่ประชุมจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 0.0775 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 10 มี.ค. ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 เม.ย.และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พ.ค.2566