KAsset ลั่นชิงเบอร์ 1 สำรองเลี้ยงชีพ รุกหนักกองทุนส่วนบุคคล

HoonSmart.com>> “บลจ.กสิกรไทย” รุกหนักกองทุนส่วนบุคคล-สำรองเลี้ยงชีพ เจาะเม็ดเงินผู้ลงทุนสถาบันหลังตลาดลงทุนเปิด พร้อมเดินหน้าปั๊มมูลค่าสินทรัพย์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพขึ้นเบอร์ 1 อุตสาหกรรม มองเป้าหมายกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีฐานแกร่ง พร้อมต่อยอดดูแลสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพวางแผนการลงทุนและออมเพิ่ม ด้านกองทุนกบช.รอเข้าครม.

อดิศร เสริมชัยวงศ์

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย (KAsset) เปิดเผยว่า ในปี 2566 บลจ.กสิกรไทยจะเน้นหนักในธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและสำรองเลี้ยงชีพมากขึ้น เนื่องจากมองเห็นโอกาสในการเติบโตต่อเนื่องจากปีทีผ่านมา โดยในส่วนของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล มองเม็ดเงินของสถาบันในประเทศไทยมีจำนวนมากมากและปัจจุบันหลายสถาบันเริ่มเอาเงินมาลงทุนมากขึ้นทั้งสหกรณ์ มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลและที่มากสุดคือ วัด แต่คงยังไม่เข้าไปแตะต้องรอดูความชัดเจนให้มีการทำงานเป็นกรอบเหมือนมหาวิทยาลัย มูลนิธิต่างๆ ก่อน

“เรามองว่าเงินเหล่านี้ส่วนใหญ่เงินเย็น อยู่ยาวจึงต้องให้เงินทำงาน เพื่อให้เงินงอกเงยเพื่อทำให้ความตั้งใจขององค์กรต่างๆ สร้างประโยชน์ให้คนไทยตามวัตถุประสงค์ ซึ่งเราจะเข้าไปดูแลให้ข้อมูลกรรมการขององค์กรต่างๆ เห็นภาพของการกระจายการลงทุน แล้วมาดูว่ากรอบการลงทุนควรเป็นแบบไหนบนวัตถุประสงค์ของแต่ละองค์กร เพื่อวางเป้าหมายที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่เราจะพยายามทำมากขึ้น ในอดีตอาจไม่ได้ทำแบบนี้มากนัก แต่จะเป็นก้าวต่อไปที่ทำให้มีความจากต่างคู่แข่ง”นายอดิศร กล่าว

อย่างไรก็ตามปัจจุบันองค์กรต่างๆ เริ่มลงทุนกันมากขึ้นแต่ยังลงทุนอยู่ในพันธบัตร เงินฝาก ซึ่งมองว่าหากเข้าไปให้ข้อมูลให้เห็นภาพการลงทุน การกระจายลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงบ้างเพื่อสร้างผลตอบแทนสูงขึ้นจะดีกว่าไหม ซึ่งเริ่มมีการตอบรับจากกรรมการและผู้ดูแลบ้างแล้ว

ปัจจุบันบลจ.กสิกรไทย มีมูลค่าสินทรัพย์กองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 188,445 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 3 อยู๋ที่ 9.58% โดยอันดับหนึ่งและสองนั้นมีการบริหารจัดการสินทรัพย์ของบริษัทประกันในเครือ ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 234,624 ล้านบาท ส่วนแบ่งอันดับสองที่ 16.97% รองจากอันดับหนึ่งมีมูลค่า247,652 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 17.91%

“ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นอีกกลุ่มที่ต้องการการดูแลและเป็นโอกาสที่เราจะขยายฐานออกไปได้ยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกสิกรไทยมีกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่เป็นฐานลูกค้าที่ใหญ่และปัจจุบันยังไม่ได้จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จึงมองปีนี้มีลุ้นขึ้นแซงเบอร์หนึ่งได้ ซึ่งตอนนี้เราเป็นเบอร์สองไล่กับเบอร์หนึ่งไม่มาก”นายอดิศร กล่าว

พร้อมกันนี้จะเปลี่ยนมุมมองของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นการสร้างอนาคต การเกษียณให้แก่คนไทย จึงมีแอปพลิเคชั่น K-MY PVD เป็นตัวช่วยวางแผนเกษียณสำหรับสมาชิกกองทุนที่อยากวางแผนการเงิน ออมเงินเพิ่มเติมนอกเหนือจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อให้มีเงินพอเพียงในการเกษียณอายุมากขึ้น

ด้านนายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมากองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโตได้ดี โดยกองทุนส่วนบุคคลเติบโต 12% และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโต 31% ซึ่งปีนี้เดินหน้าตามแผนต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ที่มาจากทั้งสองธุรกิจเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 20% และธุรกิจกองทุนรวมมีสัดส่วน 80%

นายเกษตร ชัยวันเพ็ญ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันเริ่มเห็นบริษัทเอกชนและมูลนิธิมีการลงทุนเพิ่มขึ้นและขยับเงินลงทุนจาอตราสารหนี้ไปสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ซึ่งประเมินภาพรวมธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลทั้งระบบในปีนี้จะเติบโตประมาณ 7-8% ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงน่าจะเติบโต 10% จากมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนและเม็ดเงินใหม่ที่เข้าสู่ระบบ โดยบลจ.กสิกรไทยตั้งเป้าทั้งสองธุรกิจจะเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม ในส่วนของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลมีแผนเจาะในกลุ่มที่ยังมีเงินและมีความต้องการลงทุน โดยเฉพาะบริษัทเอกชนและมูลนิธิ

ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการที่ยังไม่ได้จัดตั้งกองทุน อีกทั้งมีลูกค้าภายใต้ธนาคารกสิกรไทยที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ส่วนกลยุทธ์ในการเข้าถึงลูกค้า นอกเหนือจากลูกค้าใหม่แล้วจะเน้นเข้าถึงผู้ใช้บริการสามารถลือกนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย หากเลือกลงทุนได้เองจะทำให้การลงทุนขยับไปในตราสารทุนมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อรายได้บลจ.กสิกรไทยไปด้วย พร้อมกับแอปพลิเคชั่น K-MY PVD ที่ช่วยกระจายลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

นายเกษตร กล่าวถึงความคืบหน้าของกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ว่า ขณะนี้ยังต้องลุ้นว่ากระทรวงการคลังจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้ได้ทันหรือไม่ หากอนุมัติทันก็มีโอกาสที่กบช.จะเกิดใน 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งตามขั้นตอนหลังจากครม.อนุมัติแล้วจะต้องจัดตั้งกองทุนในระยะเวลา 1 ปี

“ตอนนี้ร่างพ.ร.บ. กบช. มีพร้อมแล้ว รอแค่ครม.อนุมัติ หากเข้าครม.ไม่ทันชุดนี้ก็ต้องรอครม.สมัยหน้า ซึ่งขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังนำเรื่องเสนอครม.อนุมัติ ส่วนการบริหารจัดการกองทุนตามที่กฎหมายวางไว้จะเลือกบลจ. 3 รายบริหาร แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดจะมีประกาศเพิ่มเติม”นายเกษตร กล่าว

ส่วนเม็ดเงินของกบช.ในเบื้องต้นอาจยังไม่มาก เพราะบริษัทเอกชนที่ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นบริษัทขนาดเล็ก แต่มีจำนวนบริษัทมาก ซึ่งยังประเมินไม่ได้ว่านายจ้างและเงินเดือนของสมาชิกมีจำนวนเท่าไร แต่แนวโน้มจะเติบโตเร็ว เพราะเป็นกองทุนออมเงินภาคบังคับ รวมทั้งจะทำให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะนายจ้างมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกบช. ซึ่งทั้งสองส่วนเป็นผลดีต่อลูกจ้างที่จะมีเงินออมไว้ใช้ยามเกษียณ