PTTGC ชี้เป้าปี’66 EBITDA โต 4% ทุ่มลงทุน 1 หมื่นลบ.เพิ่มธุรกิจรีไซเคิลสหรัฐ

HoonSmart.com>>”พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) สุขภาพแข็งแรง มุ่งสู่ความยั่งยืน ชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์แกร่ง ต้นทุนการเงิน-ค่าใช้จ่ายลดลง   ปี 66 จัดงบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ไม่รวมแผนลงทุนใหม่ ธุรกิจเม็ดพลาสติกรีไซเคิล-ท่าเรือขนส่งก๊าซฯ ในสหรัฐ ปรับพอร์ตลงทุน ขายธุรกิจที่ไม่ใช่ เพิ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง โดยยังคงเป้าหมาย เน็ตซีโร่การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นาย คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2566 ว่า บริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA)เติบโตเฉลี่ย 4% จากปีที่ผ่านมาทำได้จำนวน 49,134 ล้านบาท จากปริมาณขายเติบโต 15% ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีดีขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น) เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามทิศทางอุตสาหกรรมปลายทางที่ฟื้นตัวดีขึ้น เช่น ยานยนต์, สิ่งทอ, บรรจุภัณฑ์ และก่อสร้าง เป็นต้น

นอกจากนี้ ธุรกิจโรงกลั่นก็จะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเหมือนปีที่ผ่านมา บริษัทยังมีการรับรู้รายได้จาก Allnex Holding GmbH ที่ดีขึ้นเต็มปี  มีส่วนแบ่งกำไรในบริษัท AGC Vinythai หรือ AVT จากการถือหุ้นสัดส่วน 32% รวมถึงนโยบายบริหารค่าใช้จ่ายไม่ให้เพิ่มขึ้น จากปีที่ผ่านมาสามารถลดได้ประมาณ 4,500 ล้านบาท หรือ 10% โดยยังคงเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(เน็ตซีโร่)

ในปี 2566 บริษัทตั้งงบลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท หรือกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ ไม่รวมการซื้อกิจการ โดยกำลังเจรจาเรื่องการลงทุนในธุรกิจเม็ดพลาสติกรีไซเคิล และโครงการท่าเรือขนส่งก๊าซฯ ในสหรัฐเมริกา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ แต่ยังไม่ได้สรุปรูปแบบว่าจะซื้อกิจการหรือลงทุนสร้างโรงงานเอง เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐให้เงินสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจสีเขียว ราคาก๊าซต่ำ มองว่าการลงทุนในสหรัฐขณะนี้ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลก

บริษัทยังคงกลยุทธ์การแสวงหาโอกาสต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Allnex  ถูกที่ถูกเวลา เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ โดยการปรับองค์กรตั้งหน่วยงานธุรกิจต่างประเทศขึ้น เพื่อต่อยอดการเติบโต มุ่งสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยมีเป้าหมาย เพื่อมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ สนองตอบความต้องการของผู้บริโภคภายใต้เมกะเทรนด์โลก และเตรียมสร้าง Thailand Innovation Hub ที่จะเป็นศูนย์วิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับ Allnex เพื่อการเติบโตในภูมิภาคเอเชีย

สำหรับงบลงทุนในการดำเนินงานและใช้ขยายการลงทุนตามแผน มี 4 โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 สามารถใช้โพรเพนเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ ในการเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว คาดว่าเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/2566 โครงการก่อสร้างโรงงานไบโอพลาสติก PLA แห่งที่ 2 กำลังการผลิต 75,000 ตันต่อปีของบริษัท NatureWorks ที่จังหวัดนครสวรรค์ คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2567 โครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรพิลีนสายการผลิตที่ 4 ของบริษัท HMC Polymers กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อเดือน ธ.ค.65

โครงการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง ของบริษัท Kuraray GC Advanced Material (KGC) ที่ GC ร่วมทุนกับ บริษัท Kuraray และ บริษัท Sumitomo ของประเทศญี่ปุ่น เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/2566 เพื่อผลิต High Heat Resistant Polyamide-9T (PA-9T) จำนวน 13,000 ตันต่อปี และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) จำนวน 16,000 ตันต่อปี นับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อรองรับเมกะเทรนด์โลก

นายคงกระพัน กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายลดการปลดปล่อยคาร์บอนในปี 2573 ผ่านการดำเนินงานใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. Efficiency-driven ดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานหลากหลายโครงการ เช่น โครงการอนุรักษ์พลังงาน โครงการ Maptaphut Integration (MTPi) โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการใช้พลังงานทดแทน เป็นต้น ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 0.78 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า/ปี

2. Portfolio-driven เดินหน้าปรับสัดส่วนธุรกิจมุ่งสู่ธุรกิจที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยการลงทุนในธุรกิจกลุ่ม High Value Business (HVB) และธุรกิจที่สอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมแสวงหาโอกาสในการสร้าง Synergy (Leverage Synergy) ให้เกิดมูลค่าสูงสุดจากธุรกิจ ตลาด และเทคโนโลยี เช่น Allnex ที่ PTTGC ได้เข้าซื้อกิจการ ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง และสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคภายใต้เมกะเทรด์ โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม หรือ HVP เพิ่มเป็น 56% ในปี 2573 จากปีก่อน 36%, ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1 ล้านตัน และกำลังการผลิต Recycling เป็น 7.5 หมื่นตันในปี 2568 ส่วนผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน Performance Chemical เป็น 35% ของ EBITDA รวมภายในปี 2573 จากปัจจุบันอยู่ที่ 22% ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 0.02 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า/ปี

3. Compensation-driven ดำเนินโครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างสมดุลของระบบนิเวศของป่าร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคมรวมถึงชุมชนต่างๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 56 บนพื้นที่รวมกว่า 2,500 ไร่ อาทิ โครงการปลูกป่านิเวศระยองวนารมย์ จำนวน 80 ไร่ ตามหลักการ Eco Forest และสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย และลงทุนใน Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม Carbon Capture Utilization and Storage (CCUS) ในการดักจับและกักเก็บคาร์บอนในชั้นบรรยากาศช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1.28 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า/ปี

”  เพราะ PTTGC มีดีเรื่องผลิตภัณฑ์ ยิ่งใกล้คุณ ยิ่งต้องดี เรามุ่งสู่เป้าหมายความยั่งยืน ดีขึ้นเพื่อคุณ ดีขึ้นเพื่อโลก มีพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย ตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก ปีที่ผ่านเรามีผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงสัดส่วน 36%  ปีนี้ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีเป้าหมายเพิ่มเป็น 56% ในปี 2573 เพื่อทำให้คู่แข่งเข้ามายากขึ้น ไม่ต้องใช้กลยุทธ์ตัดราคา ช่วยลดความผันผวนของกำไรและรายได้ นอกจากนี้เรายังมีความแข็งแกร่งทางการเงิน สภาพคล่องสูง ต้นทุนลดลง ปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินบาท สกุลดอลลาร์สหรัฐ และเงินกู้กับธนาคารไทยพาณิชย์ แบบ Sustainability-Linked Loan เป็นครั้งแรก มีการรีไฟแนนซ์หนี้ระยะยาว ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง”นายคงกระพันกล่าว