“คิงส์ฟอร์ด” คาดดัชนีทรงตัว แนะ AWC-BDMS

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” คาดแนวโน้มดัชนี SET ทรงตัวแนวรับ 1,640 จุด แนวต้าน 1,660 จุด สัปดาห์นี้ติดตามรายงานกำไรกลุ่มค้าปลีก, ท่องเที่ยว, อสังหา ฯ คาดกำไรฟื้น ปัจจัยต่างประเทศรอข้อมูลสำคัญของสหรัฐ พร้อม Fed Minutes หุ้นเด่นวันนี้แนะ AWC-BDMS

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,640 จุด แนวต้าน 1,660 จุด สัปดาห์นี้ติดตามรายงานกำไรกลุ่มค้าปลีก, ท่องเที่ยว, อสังหา ฯ คาดกำไรฟื้นตัวดี QoQ แนะนำซื้อกลุ่มปลอดภัย เช่น ADVANC, INTUCH, GULF, CHG กลุ่มเครื่องดื่ม CBG, OSP, ICHI และโรงแรม ERW,CENTEL

ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.39%, S&P500 -0.28%, Nasdaq -0.58% กลุ่มพลังงาน -3.65%, กลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลงนำโดย Microsoft -1.6%, NVIDIA -2.8% จากความกังวลเฟดต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย หลัง US CPI, PPI ม.ค. ปรับขึ้นสูงกว่าคาด โดยเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านหนุนขึ้นดอกเบี้ย

สัปดาห์นี้วันจันทร์ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดในวันประธานาธิบดี, อังคารติดตาม PMI ภาคผลิตและบริการ เบื้องต้น ก.พ. ของสหรัฐ, ยูโรโซน , วันพุธ Fed Minutes 1 ก.พ. และศุกร์ US Core PCE ม.ค. คาด +4.3% & ธ.ค. +4.4% YoY เพื่อจับแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐ

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ AWC (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.30 บาท) แนวโน้มผลผลการดำเนินงานปกติ 4Q65 ฟื้นตัวหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย โดยคาดว่าจะเห็นยอดการจองห้องพักและอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืน (RevPar) เพิ่มมากขึ้น ขณะที่การให้ส่วนลดค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกและสำนักงานฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ

ส่วนแนวโน้มปี 66 จะได้แรงหนุนจาก Pent Up Demand จากลูกค้าในกลุ่มธุรกิจ MICE รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวสูงขึ้นภายหลังจากที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด โดยจะมีโรงแรมเปิดใหม่ 4 แห่ง ขณะที่ RevPar เข้าใกล้ช่วง Pre-Covid

หุ้น BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท) ได้ประโยชน์โดยตรงจากการเปิดประเทศ จำนวนคนเดินทางเข้าประเทศที่สูงขึ้น จากรายได้ผู้ป่วยต่างในช่วง Precovid-19 ที่ราว 30% และนอกจากลูกค้ากลุ่มเดิมแล้ว ยังมีความคาดหวังต่อกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติกลุ่มใหม่ๆอย่างผู้ป่วยชาวจีน(ซึ่ง BDMS เป็นพันธมิตรกับ Ping An Health;ประกันสุขภาพรายใหญ่ของจีน)และ ผู้ป่วยชาวซาอุฯ(ซึ่ง BDMS พึ่งจะมีการเปิดบ.ย่อยเพื่อเข้าไปทำการตลาดในบริเวณดังกล่าว)

สำหรับการดำเนินงานในช่วง 4Q65 เราประเมินกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,983 ล้านบาท (+13% YoY, -11% QoQ) หดตัว QoQ ตามฤดูกาลแต่ YoY โตได้ดีจากการกลับมาของผู้ป่วย Fly-in ทั้งนี้ ปัจจุบัน บล.คิงส์ฟอร์ด ประมาณการกำไรสุทธิปี 65 และ 66 อยู่ที่ระดับ 12,477 ล้านบาท (+57%YoY) และ 13,083 ล้านบาท (+5%YoY) ตามลำดับ