“คิงส์ฟอร์ด” วางแนวรับ 1,640-1,650 จุด แนะ KTC-PR9

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” คาดดัชนี SET ปรับฐานลงสู่แนวรับ 1,640 – 1,650 จุด จากทิศทางไม่แน่นอนของเงินเฟ้อสหรัฐ กำไรบจ.ชะลอตัวผลกระทบต้นทุนผลิตสูง แนะพักเงินในกลุ่มปลอดภัย BH, BCH,CHG หุ้น ADVANC, INTUCH ,SCC, CPN พร้อมคัดหุ้นเด่นแนะ KTC, PR9

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับฐานลงสู่แนวรับ 1,640 – 1,650 จุด จากทิศทางไม่แน่นอนของเงินเฟ้อสหรัฐ และกำไร บจ. Q4/65 ชะลอตัวจากผลกระทบต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย BH, BCH,CHG หุ้น ADVANC, INTUCH และ SCC, CPN

ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.46%, S&P500 -0.03%, Nasdaq +0.57% กลุ่มอสังหา ฯ -1.08%, อุปโภคบริโภค -0.95% หลัง US CPI ม.ค. +6.40% & คาด +6.20% YoY ส่งผลให้เฟดจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อ ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีได้แรงหนุนจาก Nvidia, AMD, Tesla ปรับขึ้น

หุ้นแนะนำ ได้แก่ KTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 67.00 บาท) แนวโน้มปี 66 ผู้บริหารตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง 15%YoY จากปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต +10% สินเชื่อส่วนบุคคล +7% โดยยังคงเน้นขยายฐานบัตรเครดิตร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ และขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าที่มีฐานเงินเดือนสูงขึ้น (ลด NPL) ขณะที่สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (สินเชื่อพี่เบิ้ม) ที่พลาดเป้าในปี 65 ไปจะดีขึ้นในปี 66 เป็น 9.1 พันล้านบาท จากการเสนอผ่านช่องทางของ KTB ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อ (KTBL) ตั้งเป้า +3 พันล้านบาท โดยจะหันมาเน้นที่กลุ่มรถบรรทุกมากขึ้นเนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ารถยนต์ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 ที่ 7.8 พันล้านบาท +9%YoY

หุ้น PR9 (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 21.50 บาท) ประเมินภาพรวมการดำเนินงานในปี2566 จะยังสามารถเห็นการเติบโตได้ โดยปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ(โดยเฉพาะคลีนิก IVF ที่เน้นผู้ป่วยชาวจีน) จะสามารถ outweight รายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับ Covid-19 ได้ นอกจากนี้กลุ่มผู้ป่วย IPD ของ PR9* ส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อนที่มีรายได้ต่อบิลสูงกว่าผู้ป่วย Covid-19 โดยทางผุ้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี66 จะเติบโต Double-Digit และ วางงบลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ รวมปรับปรุงพื้นที่อาคาร A ชั้น 1 เพื่อรองรับเฉพาะผู้ป่วยชาวต่างชาติ (คาดเปิดกลางปี66)ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 0.32 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.70 บาท/หุ้น, และ 0.78 บาท/หุ้น ตามลำดับ