บล.กสิกรฯให้แนวรับสุดๆที่ 1,635 สัปดาห์หน้าจับตาจีดีพี Q4/65-กำไรบจ.

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวต้าน 1,680 และ 1,700 จุด ติดตาม 4 ปัจจัยสำคัญ จีดีพี Q4/65 ถอยแถลงเจ้าหน้าที่ของเฟด กำไรบจ.งวดไตรมาสที่ 4 และฟันด์โฟลว์ ด้านค่าเงินบาทธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 33.81 บาท ตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในวันที่ 14 ก.พ. นี้ อย่างใกล้ชิด 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-17 ก.พ.2566) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,650 และ 1,635 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,680 และ 1,700 จุด ตามลำดับ

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/65 ของบจ. ไทย รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนม.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน

ดัชนีตลาดหุ้นร่วงลงตลอดสัปดาห์ แต่ยังไม่หลุดแนว 1,600 จุด ท่ามกลางแรงขายต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยปัจจัยลบหลักๆ มาจากความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งกว่าตลาดคาด ประกอบกับเจ้าหน้าที่เฟดยังคงสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งที่ออกมาน่าผิดหวัง อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และโรงกลั่นน้ำมัน มีส่วนกดดันบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมเช่นเดียวกัน

ในวันศุกร์ (10 ก.พ.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,664.57 จุด ลดลง 1.41% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 58,467.07 ล้านบาท ลดลง 9.21% ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.09% มาปิดที่ระดับ 606.55 จุด

ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (13-17 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและข้อมูลตลาดแรงงานอื่นๆ เดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งหนุนแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อเนื่องของเฟด อย่างไรก็ดีเงินบาทลดช่วงอ่อนค่า และฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดในระหว่างสัปดาห์ มีท่าทีที่แข็งกร้าวน้อยกว่าที่ตลาดกังวล โดยเฉพาะมุมมองที่สะท้อนว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กำลังชะลอลง

อย่างไรก็ดีสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยและยืนดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อเนื่องเพื่อสกัดเงินเฟ้อจากเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่น ช่วยชะลอแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ไว้บางส่วน ขณะที่ตลาดรอติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในวันที่ 14 ก.พ. นี้ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยลบจากแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน

ในวันศุกร์ที่ 10 ก.พ. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ (หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 33.81 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระหว่างสัปดาห์) เทียบกับ 32.96 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (3 ก.พ.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 6-10 ก.พ. นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 14,755 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 10,318 ล้านบาท (ขายสุทธิ 443.15 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 9,875 ล้านบาท)