หุ้นพุ่ง 4% ดีเดย์ 16 เม.ย.ซิลลิ่ง-ฟลอร์ปกติ 30% ชอร์ตเซลได้เฉพาะ SET 100

HoonSmart.com>>บอร์ดตลาดประชุมด่วนเช้าวันนี้ ยกเลิกมาตรการชั่วคราว หลังสงกรานต์ 16 เม.ย. ซิลลิ่ง-ฟลอร์กลับไปใช้ปกติ 30% ชอร์ตเซลได้เฉพาะหุ้นใน SET 100 “รมว.คลัง”ยันชอร์ตเซลจำเป็นต้องมี นักลงทุนใช้เป็นเครื่องมือบริหารพอร์ต ทรัมป์เลื่อนเก็บภาษี หนุนหุ้นเอเชียพุ่งแรง ไทย + 4.21% หลายตัวชนซิลลิ่ง 15% เสนอดัชนีหุ้นปันผล 3 ปีเฉลี่ย  5.58%  ชู 16 หุ้นแจกสูงกว่า 5% RCL-TOP-BANPU-TISCO-LH-SIRI-SPALI-TASCO-TCAP-QH-AP-PTT-BCP-PTTEP-BAM-KKP 

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนมาตรการเก็บกำแพงภาษีตอบโต้ออกไป 90 วันว่า หลายประเทศคงต้องต่อคิวคุยกับสหรัฐฯ ซึ่งประเทศไทยต้องใช้เวลาเตรียมแผนการเจรจาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และมองทุกมิติ ค่อนข้างครบอยู่แล้ว เหลือเพียงเวลาที่จะได้ไปเจรจาพูดคุยกัน

แหล่งข่าวจากวงการตลาดทุน เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯมีการประชุมด่วน เมื่อเช้าวันที่ 10 เม.ย.2568  มีมติยกเลิกมาตรการชั่วคราว เช่น ราคาซิลลิ่ง-ฟลอร์หุ้นไม่เกิน 15% ที่จะครบกำหนดในวันที่ 11 เม.ย.นี้ให้กลับไปใช้เกณฑ์ปกติ 30%  ส่วนมาตรการห้ามชอร์ตเซล ก็ยกเลิกเช่นเดียวกัน   แต่จะต้องปฎิบัติตามเกณฑ์ใหม่ที่ผ่านการสำรวจความคิดเห็นแล้ว คือให้จำกัดการชอร์ตเซลได้เฉพาะหุ้นที่อยู่ในการคำนวณ SET 100 เท่านั้น  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. 2568 เป็นต้นไป  หลังจากประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นคลี่คลายลงแล้ว

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า มาตรการเพื่อรองรับความผันผวนตลาดหุ้นชั่วคราวของตลาดหลักทรัพย์ จะถูกยกเลิก ในวันที่ 16 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป ช่วงเวลานี้จนถึงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์มีเวลาหายใจ  เชื่อว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย  ที่ผ่านมาหุ้นไทยร่วงลงมากเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก แต่เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) ตลาดหุ้นไทยเกือบจะเป็นประเทศแรกๆในภูมิภาคที่กลับมาเป็นบวก แปลว่ามีการเตรียมการมาดี

อย่างไรก็ตาม เรื่องการห้ามชอร์ตเซลจะต้องยกเลิก เพราะชอร์ตเซลเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างมีมาตรฐาน เป็นเครื่องมือในการบริหารพอร์ต และคงไม่มีประเทศไหนที่ห้ามชอร์ตเซล แต่ไทยไม่อยากเห็นช็อตเซลที่ไม่มีระบบระเบียบ หรือไม่ได้มีเจตนาเพื่อบริหารพอร์ต

ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นไทยเคยให้ทำชอร์ตเซลล์ได้ในกลุ่ม SET100 +20 แต่มีการสำรวจความคิดเห็นให้เหลือ SET 100  ปรับให้รัดกุมยิ่งขึ้น แปลว่า ผู้ลงทุนรายย่อยเมื่อเห็นว่าไม่เกิดชอร์ตเซลหุ้นนอก SET100 ก็มีความมั่นใจกลับมาลงทุนได้ แยกกลุ่มให้ชัดเจน

ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา นายพิชัยกล่าวว่า แปลกใจว่าบางกลุ่มไม่ได้รับผลกระทบเลย โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว สถานการณ์ไม่เหมือนกับช่วงโควิดระบาดที่ทำให้รายได้หาย หรือเหลือเกือบ 0 แต่ตอนนี้เป็นไปได้อย่างไรที่ดัชนีกลุ่มท่องเที่ยวต่ำกว่าสมัยโควิด แปลว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ

สำหรับการซื้อขายความถี่สูง (High Frequency Trading : HFT) เป็นวิธีการซื้อขายที่ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น ตั้งใจว่า จะให้สามารถซื้อขายได้เฉพาะ SET 100 ในช่วงหลังสงกรานต์เช่นกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะทันหรือไม่ เพราะต้องมีการปรับปรุงระบบก่อน

นายพิชัยกล่าวถึงกรณีที่สหรัฐฯ เลื่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ออกไป 90 วัน ว่า เชื่อว่าทั่วโลกต่างแปลกใจแต่สำหรับรัฐบาลไทย ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่คาดเดาไว้แล้วว่า สุดท้ายแล้วจะออกมาในลักษณะนี้ มองว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีในอัตราสูงตามที่ประกาศออกมาในครั้งแรก เพราะจะสร้างความเสียหายต่อทุกประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ เองด้วย  การเลื่อนออกไปทำให้ทุกฝ่ายนั่งพูดคุยกัน เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่จะนำไปสู่โจทย์  การสร้างสมดุลทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่าง ๆ

“ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผน เราปรับบางเรื่องให้มีความเหมาะสมมากขึ้น สหรัฐฯเลื่อนให้เฉพาะบางกลุ่มประเทศ ดังนั้น ประเทศไทยต้องมาดูว่าส่วนที่ไม่ได้ถูกเลื่อน จะเกิดอะไรขึ้น และไทยจะสามารถเข้าไปเติมเต็มสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร ส่วนการเดินทางไปเจรจากับสหรัฐฯ คงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว โดยเบื้องต้นจะนัดพูดคุยกับสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ก่อน ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติ เพื่อดูทิศทางว่าไทยจะสามารถดำเนินการตามข้อเสนอต่าง ๆ ได้หรือไม่  รัฐบาลไม่ได้จะมีแค่การนำเข้าสุกรเพิ่มเท่านั้น แต่ต้องทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์

ทางด้านตลาดหุ้นวันที่ 10 เม.ย. ทั่วโลกพุ่งแรง หลังจาก”ทรัมป์” ประกาศเลื่อนการบังคับใช้ภาษีนำเข้าสูงถึง 90 วัน ยกเว้นจีน ที่ใช้อัตราภาษีรวม 104% อย่างไรก้ตาม ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงยังคงปรับตัวขึ้น1.16% และ 2.06%  ขณะที่ตลาดหุ้นไต้หวันทะยานขึ้นสูงสุด  +9.25%ตามด้วยญี่ปุ่น NIKKEI +9.13% และ KOSPI +6.6%

ตลาดหุ้นไทยบวกติดต่อกันเป็นวันที่สอง วันนี้ดัชนีพุ่งขึ้นแรงสูงสุดแตะ 1,146.86 จุด ระหว่างวันต่ำสุดที่ 1,122.95  จุด แรงซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หนุนดัชนีปิดที่ 1,133.95 จุด พุ่งขึ้น 45.77 จุด +4.21% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้น 50,222.48 ล้านบาทจากแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ทำให้หลายบริษัทปรับตัวขึ้นชนเพดานสูงสุด 15% ตามเกณฑ์ปัจจุบัน เช่น DELTA  พุ่งชนซิลลิ่งนิ่งสนิทที่ 69.25 บาท เพิ่มขึ้น 9.25 บาทหรือ+15.42 %,AMATA ปิดที่ 14.10  บาทบวก 1.90 บาท+15.57%และ WHA ปิดที่ 2.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.38  บาท+15.45%แรงไล่ซื้อกลับหลังจากราคาหุ้นดิ่งลงแรงจากความกังวลเรื่องการเก็บภาษีนำเข้าสูงจนนำไปสู่การบ้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทยและเวียดนาม

ด้านนักลงทุนสถาบันไทยกลับมาซื้อ 1,407.23 ล้านบาท ต่างประเทศซื้อ  957.82 ล้านบาท  บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,652.86 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยขาย 4,017.91 ล้านบาท

สำหรับการห้ามชอร์ตเซล ตั้งแต่วันที่ 8 -11  เม.ย.นี้ ส่งผลกระทบต่อบล.เกียตินาคินภัทร วันแรกที่ใช้ 8 เม.ย. ส่วนแบ่งการตลาดหรือมาร์เก็ตแชร์ลดลงเหลือ 10.03% และวันที่สอง 9 เม.ย. เหลือ 10.86% เป็นรองจาก บล.เคจีไอฯ ส่วนแบ่งตลาด 11.44% และบล.เมย์แบงก์ฯ 11.29%

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นำส่ง SET Note  “SETHD Index: ดัชนีหุ้นปันผล อีกหนึ่งมุมมองในการเลือกลงทุนในหุ้นปันผล” ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ของบริษัทจดทะเบียนไทย สูงประมาณ 1.37 ถึง 2.48 เท่าของอัตราดอกเบี้ยฝากประจำ 12 เดือน ดังนั้น การลงทุนในหุ้นปันผล จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนระยะยาว

ตลาดหลักทรัพย์ได้ส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มหุ้นปันผลโดยเผยแพร่ดัชนีราคา SET High Dividend 30 (SETHD Index) ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2554 ซึ่งคัดเลือก 30 หลักทรัพย์จาก SET100 Index  พิจารณาจากสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอและมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง หากพิจารณาผลตอบแทนของการเปลี่ยนแปลงของดัชนีในช่วง 5 ปีย้อนหลัง ที่ผ่านช่วงการแพร่ระบาดของโควิด พบว่า SETHD Index ให้ผลตอบแทนดีกว่าทั้ง SET Index และ SET100 Index และหากพิจารณาผลตอบแทนของการเปลี่ยนแปลงดัชนีในช่วง 10 ปีย้อนหลัง พบว่า SETHD Index ลดลงน้อยกว่า Index และ SET100 Index

ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วง 3 ปีล่าสุดของทุกหลักทรัพย์ที่องค์ประกอบ SETHD Index อยู่ที่ 5.58% โดยค่าเฉลี่ยฯ อยู่ในช่วง 2.45% ถึง 17.03% และพบว่า 16 หลักทรัพย์จากทั้งหมด 30 หลักทรัพย์ มี Dividend Yield เฉลี่ย 3 ปี สูงกว่า 5% ต่อปี โดยมี Dividend Yield เฉลี่ย 3 ปีอยู่ในช่วง 5.43% ถึง 17.03%

หากนักลงทุนไม่ต้องการเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวในองค์ประกอบของ SETHD Index อาจพิจารณาเลือกลงทุนใน “1DIV” ได้ โดยกองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETF (1DIV) เป็นหน่วยลงทุนของกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลดีและสม่ำเสมอ ซึ่งจะลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิง (ดัชนี SET High Dividend 30 Index)