HoonSmart.com>>สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยเดือน ม.ค. SET Index ปิดที่ 1,671.46 จุด เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อน วอลุ่มเฉลี่ยต่อวันเพิ่มเป็น 72,012 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่ 56,184 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรรวม 5.8 หมื่นล้านบาท หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และเทคโนโลยีราคาเพิ่มสูงสุด 5.4% และ 4.4% ตามลำดับ การขาย IPO ของ MASTER ครองแชมป์ IPO ใหญ่สุดของเอเชียในเดือน ม.ค.ระดมทุน 81.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ “ภากร”ชี้ผลกระทบการเมืองต่อตลาดหุ้นต้องรอดูนโยบายรัฐบาลที่ชัดเจนก่อน
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยในเดือน ม.ค. ระบุว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 66 จะเติบโตน้อยกว่าในปี 65 ที่ 3.4% แต่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในหลายประเทศ โดยได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 66 ว่าจะขยายตัวที่ 2.9% เพิ่มขึ้นจาก 2.7% ตามที่ได้เผยแพร่รายงานเมื่อเดือน ต.ค.65 ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกคลายความกังวลเกี่ยวกับการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง อีกทั้งเงินเฟ้อที่ลดลงอาจนำไปสู่การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศอื่นๆ เร็วกว่าคาด
ในเดือน ม.ค.66 มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่องและมีข่าวดีจากการเปิดประเทศของจีน ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติและมูลค่าการส่งออกจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ ขณะที่เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวมทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทยกว่า 5.8 หมื่นล้านบาท
ภาวะตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือน ม.ค. 66 SET Index ปิดที่ 1,671.46 จุด เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า การปรับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และปรับเพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
SET Index ในเดือน ม.ค.66 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีในไตรมาสสุดท้ายปี 65 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 65 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 5.4%, กลุ่มเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 4.4%, กลุ่มบริการ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เพิ่มขึ้นเท่ากัน 0.6%
มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือน ม.ค.66 ของ SET และ mai อยู่ที่ 72,012 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 56,184 ล้านบาท อย่างไรก็ดี มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 23.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน
ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ โดยในเดือน ม.ค.66 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 18,997 ล้านบาท หรือ 545 ล้านดอลลารสหรัฐฯ ขณะที่เดือน ธ.ค.และ พ.ย. ต่างชาติซื้อสุทธิ 369 และ 847 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯตามลำดับ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9
ตลาดหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีกแห่งหนึ่ง คือ เวียดนาม แต่ปริมาณการซื้อสุทธิค่อยๆลดลง จากเดือน พ.ย.,ธ.ค. และ ม.ค. มูลค่าการซื้อสุทธิเท่ากับ 603, 497 และ 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ ส่วนตลาดหุ้นที่ต่างชาติซื้อสุทธิในเดือนม.ค.สูงสุด คือ ไต้หวัน และเกาหลี ที่ 7,241 และ 5,231 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ ตลาดหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง 3 เดือน คือ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
ในเดือน ม.ค.66 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน mai 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ หรือ MASTER และ บริษัท เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล หรือ SAF โดยมูลค่าระดมทุนของ MASTER 81.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย ตามมาด้วย Nationgate Holding Bhd มาเลเซีย 62.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, TEMC Co., Ltd เกาหลี 38.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, L&P Global Bhd. มาเลเซีย 37.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ Senergy Group Ltd. ฮ่องกง 35.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้มูลค่าระดมทุนรวมในหุ้น IPO ของไทยปี 66 อยู่ยังในระดับต้นๆ ของเอเชีย
Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือน ม.ค.66 อยู่ที่ระดับ 16.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 17.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.8 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือน ม.ค.66 อยู่ที่ระดับ 2.75% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.00%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือน ม.ค.66 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 530,429 สัญญา ลดลง 23.1% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตดีกว่าปี 65 ความรู้สึกของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นไทยเป็นบวกมากขึ้น เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายเดือน ม.ค.66 ที่เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.65 มุมมองต่อเศรษฐกิจจะสะท้อนออกมาที่ตลาดหุ้น โดยในปัจจุบันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯก็เพิ่มสูงขึ้นจากปลายปีที่แล้ว
ส่วนผลกระทบจากปัจจัยการเลือกตั้ง นายภากรกล่าวว่าจะมีผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมใดๆในตลาดหลักทรัพย์ ต้องขึ้นอยู่กับความชัดเจนหลังจากจัดตั้งรัฐบาล และดูว่ามีการดำเนินนโยบายไปในทางที่เป็นผลบวกหรือผลลบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมใดๆ ในระหว่างนี้ยังไม่มีความชัดเจน
#SET #MASTER