หุ้นโลกวิกฤต-ค่าเงินผันผวน ตปท.บอมบ์ไทย 1 หมื่นล้าน

ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งยกแผง ไทยรูดลง 2% น้อยกว่าหลายตลาด ดาวโจนส์ล่วงหน้ายังร่วงลงต่อจากคืนก่อนดิ่งหนักถึง 3.15% ฉุดตลาดหุ้นยุโรป ดำดิ่งในรอบ 20 เดือน ญี่ปุ่นทรุดเกือบ 4% ส่วนค่าเงินบาท ระหว่างวันอ่อนลงไปต่ำกว่า 33 บาท สุดท้ายกลับมาแข็งค่า ดอลลาร์ร่วงลงต่ำกว่า 112 เยน แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ นักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยง

วันที่ 11 ต.ค. 2561 เป็นอีกวันหนึ่งที่นักลงทุนในตลาดหุ้นจะต้องจดจำ ตลาดสำคัญของโลกดิ่งลงแรงถ้วนหน้า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์หายไปวันเดียวกว่า 48 จุด หรือ 2.88% ก่อนเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,682.89 จุด ร่วงลง 38.93 จุด หรือ 2.26% ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 82,888 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติทิ้งมากถึง 10,562.16 ล้านบาท กลับซื้อในตลาด TFEX ถึง 23,013 สัญญา และขายตราสารหนี้เล็กน้อย 812 ล้านบาท นักลงทุนที่ซื้อขายผลิตภัณฑ์อนุพันธ์เจ็บหนัก โดยเฉพาะอ้างอิงหุ้นกลุ่มปตท. รับผลกระทบจากราคาน้ำมันลดลง

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ร่วงลงแรง จนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องออกแถลงการณ์ โดย นาย ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงเป็นไปตามปัจจัยต่างประเทศ และถือว่าลดลงน้อยกว่าตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาค ความผันผวนที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น โดยเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในปัจจุบันแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานดีและมีแนวโน้มเติบโต นอกจากนี้ควรติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุน เพื่อการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์

ทั้งนี้ปรับตัวลดลงเป็นไปตามทิศทางตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย จากความกังวลในต่างประเทศเกี่ยวกับค่าเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล รวมถึงการปรับตัวลงของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ

ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น และความกังวลเรื่องคาดการณ์ธนาคารสหรัฐ(เฟด)ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีหลายตัว รวมถึงค่าเงินของประเทศเกิดใหม่อ่อนตัวลงเร็ว ล่าสุดถูกซ้ำเติมจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาเปิดเผยระดับตัวเลขหนี้สินทั่วโลกเพิ่มขึ้นมาระดับ 250%ของจีดีพี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ของประเทศเกิดใหม่ และค่าเงินของกลุ่มประเทศเกิดใหม่อ่อนตัวยิ่งทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนนี้ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ชะลอตัวลงในเดือนก.ย. ช่วยลดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและลดคาดการณ์การเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ส่งให้ดาวโจนส์ล่วงหน้าติดลบน้อยลง จากก่อนหน้าร่วงลงแรงกว่า 200 จุด