ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 1 ก.พ.2566 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,685.75 จุด เพิ่มขึ้น 14.29 จุด หรือ -0.85% มูลค่าซื้อขาย 63.790.96 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,687.98 จุด ต่ำสุด 1,675.73 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 191.91 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 30.84 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 1,176.11 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,337.18 ล้านบาท
น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้นได้สดใส ได้ Sentiment บวกจากนอกประเทศ จากกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐสดใส และมองการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยการประชุมรอบนี้คาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% แต่จะต้องรอดูการส่งสัญญาณจากประธานเฟดจะออกมาเป็นอย่างไร
ส่วนในประเทศมองภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวได้ต่อ จากที่แบงก์ชาติรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเห็นภาพการฟื้นตัวทำให้เป็นแรงหนุนกลุ่มท่องเที่ยว และการบริโภค อีกทั้งมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มค่าแรงงาน และมาตรการ EV ต่างช่วยหนุน และทำให้เกิดแรงเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นเกี่ยวกับการจับจ่ายใช้สอยอีกรอบ รวมถึงได้แรงหนุนจากหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวด้วย
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ (2 ก.พ.) ตลาดคงจะแกว่งตัวในกรอบ 1,675-1,695 จุด ยังมีลุ้นขึ้นได้ แต่ก็ต้องรอดูผลประชุมเฟดด้วยจะออกมาตามคาดหรือไม่ โดยยังเชื่อว่าตลาดจะได้รับ Sentiment บวกจากนอกประเทศ และราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นได้บ้างหลังการประชุมกลุ่มโอเปกพลัส คาดว่าจะออกมาไม่น่าจะลดกำลังการผลิต เพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันร่วงแรง ท่ามกลางอุปสงค์น้ำมันที่ยังเข้ามา
สำหรับ Fund Flow ต่างชาติเมื่อวานนี้ขายสุทธิ 2.8 พันล้านบาท แต่มองว่าต่างชาติคงจะยังซื้อสลับขายอยู่ เม็ดเงินไม่ได้ไหลออก ซึ่งเดือนม.ค.ต่างชาติยังซื้อสุทธิอยู่ พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งดูนโยบายการเงินน่าจะเข้มงวดกว่าของเฟด จากคาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่าของเฟด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 144.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -0.34% มูลค่าซื้อขาย 2,971.15 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 67.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +1.13% มูลค่าซื้อขาย 2,272.29 ล้านบาท
KCE ปิดที่ 55.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +1.37% มูลค่าซื้อขาย 2,131.88 ล้านบาท
DELTA ปิดที่ 898.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ -0.22% มูลค่าซื้อขาย 1,601.42 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 173.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +0.87% มูลค่าซื้อขาย 1,484.33 ล้านบาท