HoonSmart.com>>”โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC)” เผยปี65 กำไรสุทธิ 3,120 ล้านบาท ลดลง 7% จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น รายได้จากบริการที่นอกเหนือจากการเชื่อมต่อโต 18% เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน บริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีวินัย บริษัทยังคงมี EBITDA margin ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง คาดควบรวมกิจการแล้วเสร็จ Q1/66 บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 1.22 บาท
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) รายงานผลประกอบการในปี 2565 ว่ามีกำไรสุทธิ 3,119.16 ล้านบาท เท่ากับ 1.32 บาทต่อหุ้น ลดลง 236.77 ล้านบาทหรือ-7.06% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,355.93 ล้านบาทหรือ 1.42 บาทต่อหุ้น รายได้รวม 80,600 ล้านบาท ลดลง 0.9% รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่า IC 55,512 ล้านบาท ลดลง 1.6% EBITDA อยู่ที่ 29,851 ล้านบาท ลดลง 0.5% และอัตรากำไร EBITDA (normalized) อยู่ที่ 45.2%
นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) กล่าวว่า ปี 2565 เป็นปีที่ผลการดำเนินงานเริ่มมีการฟื้นตัว แม้ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก ซึ่งรวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างช้า ๆ แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และการแข่งขันที่ยังคงเข้มข้นต่อเนื่อง แต่บริษัทยังคงยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในปี 2565 เพื่อมอบสัญญาณเครือข่ายที่เชื่อถือได้และให้ประสบการณ์ที่ดีขึ้นแก่ลูกค้า ยังคงเดินหน้าขยายสถานีฐานของคลื่นย่านความถี่ต่ำเป็นจำนวนกว่า 6,300 สถานีฐาน ส่งผลให้ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานภายในอาคารได้ดีขึ้น การใช้งานเร็วขึ้น และการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น
“ในปี 2565 ดีแทคมีคะแนนความพึงพอใจสุทธิ (NPS) ที่ดีขึ้นจากปีก่อน และสามารถลดการร้องเรียนที่เกี่ยวกับเครือข่าย และด้วยประสบการณ์การใช้งานของเครือข่ายที่ดีขึ้น ปริมาณการใช้งานทั้ง 4G และ 5G ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 4/65 ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 106,000 ราย มีผู้ใช้บริการรวมอยู่ที่ 21.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.5% จากไตรมาสก่อน”
นายนกุล เซห์กัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงิน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น กล่าวว่า กลยุทธ์ของดีแทคในการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางยังคงดำเนินต่อไป เพื่อมอบคุณค่าให้กับกลุ่มลูกค้ารายบุคคล (B2C) และกลุ่มลูกค้าธุรกิจ (B2B) และด้วยการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการดิจิทัลและการมีปฏิสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นกับลูกค้า รายได้จากบริการที่นอกเหนือจากการเชื่อมต่อ (dtac beyond) เติบโต 18% จากปีก่อน
นอกจากนี้ ดีแทคเป็นแบรนด์ที่เป็นที่ต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว สามารถเพิ่มการเติบโตของรายได้จากการให้บริการระบบเติมเงินได้อย่างแข็งแกร่งติดต่อกันเป็นจำนวน 5 ไตรมาส ตลอดจนสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ B2B อย่างต่อเนื่อง คิดเป็นการเติบโต 13% จากการขายโซลูชั่นที่ตอบโจทย์มากขึ้นให้กับลูกค้า SME รวมไปถึงองค์กรขนาดใหญ่ ผ่านการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและการสร้างพันธมิตร
การขับเคลื่อนประสิทธิภาพในเชิงโครงสร้างเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ช่วยสร้างมูลค่าในการดำเนินงานตลอดจนสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากมาตรการในการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว ยังมีความมุ่งมั่นในการประหยัดกระแสเงินสดจากค่าใช้จ่ายที่อยู่ใต้ EBITDA ในปี 2562 – 2565 ที่ผ่านมา ช่วยให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงได้ คิดเป็นอัตราเฉลี่ยประมาณ 8% ต่อปี ในช่วงปี 2562 – 2565 ที่ผ่านมา โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการในปี 2565 พร้อมกับการประหยัดกระแสเงินสด
ส่วน EBITDA สำหรับไตรมาส 4/2565 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการมุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีวินัย ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและผลกระทบเชิงลบจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการ
“กำไรสุทธิไตรมาสที่ 4 ดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบเชิงบวกประมาณ 450 ล้านบาท จากค่าเสื่อมราคาที่ลดลงจากการเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานของสินทรัพย์เป็นหลัก ไตรมาส 4/64 ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์เพียงครั้งเดียวประมาณ 430 ล้านบาท รายจ่ายเพื่อการลงทุนสำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่ 2,180 ล้านบาท และด้วยความคาดหมายว่าการควบรวมกิจการจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 1/66 ฝ่ายบริหารของดีแทคจึงงดให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวโน้มสำหรับปี 2566”
ด้านคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 1.22 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 14 ก.พ.และจ่ายเงินวันที่ 22 ก.พ.2566