บิ๊กบล.คิงส์ฟอร์ด ชี้แจงคดีใหญ่

HoonSmart.com>>ตามที่ปรากฏข่าว “แจ้งจับสองผู้บริหาร บล. คิงส์ฟอ์รด” หมิ่นเบื้องสูงเผยแพร่โดยผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 30 ม.ค. 2566 โดยระบุว่า นายวัชระ เพชรทอง อ้างตัวเป็น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ แก่นางสาวชญานี โปขันเงิน และนายวรากรณ์ กุนทีกาญจน์ ในความผิดตาม มาตรา 112 ต่อ ร.ต.อ.เจริญ สุขมาก รอง สว.(สอบสวน) สน.พญาไท นั้น

นางสาวชญานี และนายวรากรณ์ ขอแจ้งให้ทราบว่า บุคลทั้งสองไม่เคยกระทำการใดทั้งสิ้นที่เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 112 โดยนายวัชระ เพชรทองแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาบุคคลทั้งสองว่ากระทำความผิดอาญา โดยใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่ได้รับจากบุคคลที่ประกอบวิชาชีพสื่อ ซึ่งนางสาวชญานีและนายวรากรณ์ฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยโฆษณาจากกรณีที่ได้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จด้วยการเขียนข่าวในหนังสือพิมพ์และสื่ออื่นๆ ใส่ร้ายนางสาวชญานีและนาย วรากรณ์ว่า ได้กระทำการแอบอ้างเบื้องสูง ข่มขู่ทหาร โดยที่บุคคลที่เผยแพร่ดังกล่าวนั้น ได้ให้การรับสารภาพกับกรมการสารวัตรทหารบกว่า สิ่งที่ได้เผยแพร่ตามบทความนั้น ไม่ได้มีทหารท่านใดให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรา 112 กับทั้งตนไม่ได้ตรวจสอบ และ/หรือ สอบถามข้อเท็จจริงจากผู้ใดก่อนเผยแพร่บทความที่กระทำผิดหมิ่นประมาททำให้นางสาวชญานีและนายวรากรณ์ได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้ บุคคลที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว ยังยอมรับต่อกรมการสารวัตรทหารบก อีกว่าไม่เคยมีกรณีการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญา มาตรา 112 กับนางสาวชญานีและนายวรากรณ์ และไม่เคยมีหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมของนางสาวชญานีและนายวรากรณ์ ตามที่บุคคลดังกล่าวกล่าวอ้างในบทความแต่อย่างใด คดีระหว่างบุคคลที่เผยแพร่ดังกล่าวกับนางสาวชญานีและนายวรากรณ์ อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลอาญา

ทั้งนี้ นายวัชระ เพชรทองขณะนี้รับทราบความจริงแล้วว่า ข้อมูลที่ได้รับจากบุคคลที่ประกอบวิชาชีพสื่อดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกบิดเบือน และจากพฤติกรรมดังกล่าวของนายวัชระ เพชรทอง ดูไม่ปกติ คาดว่ากระทำไป เพื่อช่วยเหลือสื่อที่ขาดจรรยาบรรณรายดังกล่าว และอาจมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้การแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 112 เพื่อต่อรองให้นางสาวชญานีและนายวรากรณ์ถอนทุกคดีความที่มีต่อสื่อรายข้างต้น

นางสาวชญานีกล่าวว่า การใช้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือข้อมูลเท็จ เพื่อสร้างข่าวโจมตีนางสาวชญานีและนายวรากรณ์ดังกล่าว น่าเกิดจากเจตนาไม่สุจริตของบุคคลที่เป็นคู่พิพาท และต้องการสร้างแรงกดดันให้นางสาวชญานีและนายวรากรณ์ เกิดความหวาดกลัว และยุติการดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่ประกอบวิชาชีพสื่อรายดังกล่าว โดยไม่สนวิธีการ ซ้ำร้ายกลับใช้วิธีการ นำมาตรา 112 มาใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกล่าวหานางสาวชญานีและนายวรากรณ์ เป็นครั้งที่สอง นางสาวชญานีและนายวรากรณ์ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้ในฐานะประชาชนคนไทย ผู้ที่เทิดทูนสถาบันกษัตริย์ไว้เหนือสิ่งอื่นใด ดังนั้น นางสาวชญานีและนายวรากรณ์ จะดำเนินการถวายฎีกาเพื่อให้บุคคลดังกล่าวกล่าวยุติพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและหยุดการกระทำที่นำสถาบันที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนทั้งประเทศมาเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งผู้สุจริตในอนาคต