“บล.คิงส์ฟอร์ด” แนะ TOP-BDMS

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” คาดแนวโน้มหุ้นทรงตัว แนะนำทยอยซื้อค้าปลีก BJC, CPN ธนาคาร KBANK, SCB โรงกลั่น TOP, BCP เสิร์ฟหุ้นเด่น TOP, BDMS

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,675 -1,680 จุด แนวต้าน 1,690 จุด รอผลการประชุมเฟด และกำไร บจ. โดย Bloomberg Consensus คาด 122 บริษัท Q4/65 +4% QoQ, -15% YoY แนะนำทยอยซื้อค้าปลีก BJC, CPN ธนาคาร KBANK, SCB โรงกลั่น TOP, BCP

ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.08%, S&P500 +0.25%, Nasdaq +0.95% โดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +2.27%, อสังหา +0.94% หลัง US PCE ธ. ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 5.0% & พ.ย. 5.5% YoY ส่งผลให้เฟดอาจชะลอเร่งการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ม.ค. อยู่ที่ 64.9 & ธ.ค. 59.7 และคาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างอยู่ที่ 3.9% & ธ.ค. 4.0%

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.26% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าหรูหรา หลังหลุยส์ วิตตองรายงานยอดขาย Q4/65 เพิ่มขึ้น นักลงทุนรอผลการประชุม ECB วันที่ 2 ก.พ.

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TOP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 63.00 บาท) แนวโน้ม 4Q65 คาดกำไรสุทธิจะกลับมาฟื้นตัว QoQ แม้มีการปิดซ่อมโรงกลั่น CDU-II ตามแผน รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ไตรมาส 4 แต่ค่าการกลั่นจะยังคงมีปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้น้ำมัน Jet / Gasoil และได้รับประโยชน์จากต้นทุน Crude Premium ขณะที่บันทึก Stock loss ลดลง

ส่วนแนวโน้ม 1Q66 คาดผลประกอบการยังมีโมเมนตัมฟื้นตัวต่อเนื่องจากปัจจัยบวกด้านค่าการกลั่นหลังจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด รวมถึงมีการเร่งซื้อน้ำมันจากรัสเซียก่อนวันที่ 5 ก.พ.66

หุ้น BDMS (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท) ได้ประโยชน์โดยตรงจากการเปิดประเทศ จำนวนคนเดินทางเข้าประเทศที่สูงขึ้น จากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติในช่วง Precovid-19 ที่ราว 30% และนอกจากลูกค้ากลุ่มเดิมแล้ว ยังมีความคาดหวังต่อผู้ป่วยต่างชาติกลุ่มใหม่ๆอย่างผู้ป่วยชาวจีน(ซึ่ง BDMS เป็นพันธมิตรกับ Ping An Health;ประกันสุขภาพรายใหญ่ของจีน)และ ผู้ป่วยชาวซาอุฯ(ซึ่ง BDMS พึ่งจะมีการเปิดบ.ย่อยเพื่อเข้าไปทำการตลาดในบริเวณดังกล่าว)

สำหรับการดำเนินงานในช่วง 4Q65 เราประเมินกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,983 ลบ. (+13% YoY, -11% QoQ) หดตัว QoQ ตามฤดูกาลแต่ YoY โตได้ดีจากการกลับมาของผู้ป่วย Fly-in ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราคาดกำไรสุทธิปี65 และ 66 อยู่ที่ระดับ 12,477 ล้านบาท (+57%YoY) และ 13,083 ล้านบาท (+5%YoY) ตามลำดับ