HoonSmart.com>>3 โบรกเกอร์ส่องหุ้นเดือนก.พ.แกว่งตัวในกรอบ 1,630-1,720 จุด รอลุ้นผลประชุมเฟด-ECB-BoE ในวันที่ 1-2 ก.พ.นี้ หวังส่ง Sentiment บวกต่อตลาดเอเชีย ด้านเศรษฐกิจไทยยังมีความหวัง เงินเฟ้อมีแนวโน้มจะปรับตัวลง-หนุนเงินไหลเข้า เตือนเงินบาทแข็งค่าแล้ว 13% ต้องระวังการอ่อนค่า-เงินทุนไหลออก มองหุ้นเด่นเดือนก.พ. MAKRO, BJC, KBANK, SAWAD, AOT, SAT, AIT, AP, ERW, CENTEL, MBK, IMPACT, MINT, SPA, BAFS
ตลาดหุ้นเดือนม.ค.2566 (1-27) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้น 0.75% หรือ 12.64 จุด ปิดที่ระดับ 1,681.30 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนการซื้อขายมากกว่า 40% รวมซื้อสุทธิ 22,265.06 ล้านบาท และพอร์ตบล.ซื้อด้วย 4,216.05 ล้านบาท สวนทางกับสถาบันไทยทิ้ง -24,407.79 ล้านบาท และนักลงทุนไทยขาย -2,073.31 ล้านบาท
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในเดือนก.พ.2566 มองว่าตลาดน่าจะเคลื่อนไหว Sideway Up ในกรอบ 1,650-1,710 จุด เนื่องจากได้มีการปรับพอร์ตหลังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ออกมาแย่ไปพอสมควรแล้ว หล้งจากนี้ผลประกอบการ ก็น่าจะออกมาไม่แย่มาก หรืออาจเป็นบวกได้ในบางบริษัท ทำให้อาจมี Buy on fact โดยมองค่าเฉลี่ยของการปรับตัวขึ้นของตลาดในเดือนก.พ.+1.3% เมื่อเทียบกับเดือนม.ค. ซึ่งมีความน่าจะเป็นที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นได้ในเดือนก.พ.ถึง 80%
นอกจากนี้ ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 ก.พ.นี้ คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% หากจริงจะทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว รวมถึงให้ติดตามวันที่ 14 ก.พ.ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่มีโอกาสลดลง เนื่องจากฐานปี 2565 สูง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจที่จะไม่มีอะไรมารบกวนแล้ว อีกทั้งในวันที่ 2 ก.พ. ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางองกฤษ (BoE) ซึ่งเงินยูโรจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นด้วย เป็น Sentiment บวกต่อตลาดเอเชีย และเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยจะมีตัวเลขเงินเฟ้อที่จะออกมาในวันที่ 6 ก.พ.นี้ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง และจะหนุนให้เงินทุนไหลเข้า รวมถึงหนุนหุ้นให้ปรับตัวขึ้นได้ด้วย แต่กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯคงจะไม่กว้างในช่วงที่ทยอยประกาศผลประกอบการของบจ. อาจมีแรงซื้อดักปันผล แต่ Upside ตลาดก็ยังไม่มาก รวมไปถึงช่วงปลายเดือนก.พ.ก็มีความคาดหวังเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งมองเป็นบวก
พร้อมมองหุ้นเด่นเดือนก.พ.เป็นหุ้นในกลุ่มค้าปลีก, ธนาคาร,ไฟแนนซ์ และท่องเที่ยว โดยเชียร์หุ้น MAKRO, BJC, KBANK, SAWAD, AOT
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นในเดือนก.พ.ยังอยู่ในลักษณะของการแกว่งตัว ดัชนีฯจะไม่เคลื่อนไหวไปไหนไกล ให้กรอบแนวรับ 1,650-1,630 จุด แนวต้าน 1,695 จุด เนื่องจากเงินบาทแข็งค่ามากขึ้นถึง 13% แล้ว ถ้า Fund flow ต่างชาติไม่ขยับ และเงินบาทอ่อนค่า ก็จะเกิดแรงขายได้อีก โดยยังมีความหวังจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 และกรุ๊ปทัวร์จีน
นอกจากนี้ ในเดือนก.พ.นี้ยังต้องรอติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 1 ก.พ., การประชุมธ ECB และการประชุม BoE ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 ก.พ.นี้ รวมถึงกลางเดือนก.พ.ติดตามตัวเลข GDP ของไทย พร้อมเลือกลงทุนหุ้นที่กำไรดี และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลมากกว่า 4% อย่างหุ้น SAT, AIT, AP ยิ่งเวลาที่ราคาหุ้นปรับตัวลง ยีลด์จะสูงขึ้น หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวก็ลงทุนได้แต่รอให้ราคาย่อตัวลงก่อนค่อยซื้อ เพราะกำไรดีอยู่แล้ว แนะนำหุ้น ERW, CENTEL นอกจากนี้ ยังมีหุ้น MBK, IMPACT, MINT, SPA, BAFS
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ในครึ่งแรกเดือนก.พ.ตลาดมีโอกาสปรับตัวลงถึงผันผวน มองว่าตลาดมีความคาดหวังนโยบายการเงินของเฟดมากเกินไป และยังหวังสหรัฐจะไม่เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยด้วย ซึ่งฝ่ายวิจัยยังมองว่าสหรัฐยังมีโอกาสจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยได้อยู่ และเฟดก็ยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฟดยังมีท่าทีเหมือนเดิม แม้เฟดจะส่งสัญญาณผ่อนคลายแล้ว แต่เงินเฟ้อยังไม่ปรับลง อีกทั้งนักวิเคราะห์ก็จะมีการปรับประมาณการกำไร และ GDP ลง หลังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาแย่กว่าคาด อย่างหุ้นในกลุ่มธนาคาร และ SCC เป็นต้น อย่างไรก็ดีสามารถเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวได้
ส่วนครึ่งหลังเดือนก.พ.มองว่าตลาดฯน่าจะดีขึ้น จากการเลือกตั้งที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งใกล้เวลาเข้ามาทุกที และในช่วงปลายเดือนก.พ.ก็จะมีตัวเลขเศรษฐกิจไทยออกมา และจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งมองเป็นบวกอยู่ เพียงแต่ภาพรวมตลาดช่วงนี้ยังมองเป็นการพักตัว
พร้อมมองหุ้นที่น่าสนใจลงทุนเป็นหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ อย่างหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, การบริโภค และปันผล โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯในเดือนก.พ.มีแนวรับ 1,660-1,650 จุด แนวต้าน 1,695-1,720 จุด