UV ทุ่ม 405 ลบ. ซื้อหุ้น STI เพิ่ม 12% หนุนถือ 38.12%

> บอร์ด “ยูนิเวนเจอร์” ส่ง “UVCAP” เข้าซื้อหุ้นบิ๊กล็อต “สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์” (STI) รวม 72.36 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 5.60 บาท มูลค่ารวม 405.22 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร STI ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัทขายหุ้นให้ พร้อมเคลื่อนทัพปีนี้ ขยายการเติบโตอย่างมืออาชีพ และมีความเป็นอิสระในการบริหารงาน ย้ำ STI ยืนหนึ่งบริษัทที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัท ยูนิเวนเจอร์ (UV) เปิดเผยว่า ตามที่มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2566 อนุมัติให้บริษัท ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล (UVCAP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเป็นบริษัทร่วมของบริษัทเพิ่มเติมจำนวน 72.36 ล้านหุ้น คิดเป็น 12% ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 5.60 บาท มูลค่าเงินลงทุนรวม 405.22 ล้านบาท โดยซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิมของ STI ที่มิใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน และเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2566 UVCAP ได้เข้าลงทุนในหุ้นสามัญ STI เพิ่มเติม ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์แล้ว

กำพล ปุญโสณี

นายกำพล ปุญโสณี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ (UV) การเข้าลงทุนซื้อหุ้น STI เพิ่มในครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์สำคัญของ UV ที่มองหาโอกาสในการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพและมีการเติบโตทางธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจ STI เป็นธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง และให้บริการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม, งานตกแต่งภายใน และงานอนุรักษ์โบราณสถาน ซึ่งมีความหลากหลายและมีลูกค้าอยู่ในหลายๆ กลุ่มของธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับความเชื่อมั่นในการบริหารงานของคณะผู้บริหารที่มีความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส และมีอิสระในการให้บริการแก่ลูกค้าทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้ STI เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดมา

“มั่นใจว่าในอนาคตธุรกิจของ STI จะมีแนวโน้มการเติบโตอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับแนวทางการลงทุนของ UVCAP ที่จะลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการไม่พึ่งพิงรายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ UV รองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต”นายกำพล กล่าว

ทั้งนี้ หลังเข้าซื้อหุ้นส่งผลให้บริษัท ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด ถือหุ้นเพิ่มเป็น 229.86 ล้านหุ้น หรือ 38.12% จากเดิมถือ 26.12% ด้านผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท 5 ราย ได้ขายหุ้นในครั้งนี้ ได้แก่ นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ถือหุ้นลดเหลือ 66.66 ล้านหุ้น หรือ 11.06% จากเดิมถือ 14.93% นายไพรัช เล้าประเสริฐ ถือหุ้นเหลือ 50.19 ล้านหุ้น หรือ 8.32% จากเดิมถือ 11.19% นายอิสรินทร์ สุวัฒโน ถือ 20.15 ล้านหุ้น หรือ 3.34% จากเดิมถือ 4.48% และนายกิตติศักดิ์ สุภาควัฒน์ ถือ 13.18 ล้านหุ้น หรือ 2.19% จากเดิมถือ 2.99%

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการของบริษัทหรือการกำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด การทำรายการได้มาและจำหน่ายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการทำรายการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และไม่ได้เข้าเกณฑ์การทำ Tender Offer แต่อย่างใด

สมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์, ไพรัช เล้าประเสริฐ

นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และในฐานะผู้ถือหุ้น STI กล่าวว่า การเข้าลงทุนของ UVCAP ถือเป็น Strategic Partner ที่ร่วมสร้างการเติบโตไปด้วยกันอย่างแท้จริง เนื่องจากยังคงให้ความไว้วางใจต่อทีมผู้บริหารชุดเดิม ในการบริหารจัดการองค์กร และให้ความเป็นอิสระในการให้บริการแก่ลูกค้าทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยเชื่อมั่นในทีมผู้บริหาร ที่มีความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส มีทีมงานที่มีศักยภาพ และความพร้อมในการบริหารงานโครงการก่อสร้างที่หลากหลายประเภท

“เรายังคงเดินหน้าสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ อย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับกลยุทธ์ในการขยายงานที่ปรึกษาบริหารโครงการฯ ให้สอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจที่ทยอยกลับมาพร้อมการเปิดประเทศ ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปี 2566 ภาคเอกชนเริ่มมีการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนนโยบายภาครัฐในการเร่งดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานยังถือเป็นปัจจัยบวกให้กับการดำเนินงานของบริษัทฯ นอกจากนี้เรายังคงมองหาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันเพื่อเข้ามาเสริมการทำงานให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยให้กระบวนการทำงานมีความถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยจุดมุ่งหมายในการสร้าง STI เป็นสถาบันทางด้านวิศวกร ที่มีมาตรฐานวิชาชีพระดับสากล เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า พร้อมกับเดินหน้าสร้างการเติบโตในทุกมิติ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น อย่างมั่นคง และยั่งยืน”นายสมเกียรติ กล่าว

นายไพรัช เล้าประเสริฐ ในฐานะผู้ถือหุ้นของ STI และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ จำกัด (STH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย กล่าวเสริมว่า การเข้าลงทุนของ UVCAP ในครั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม มองถึงการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ร่วมสนับสนุนการบริหารงานของ STI ด้วยดีมาโดยตลอด การตัดสินใจขายหุ้น STI ครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานขององค์กรแต่อย่างใด เรายังคงมีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ วางแผนและกำหนดกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงานได้อย่างเป็นอิสระ โดยเฉพาะในปี 2566 เรามุ่งมั่นที่จะบริหารงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และพร้อมพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของ ESG ภายใต้การคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และ บรรษัทภิบาล