CIMBT กำไร 3,033 ลบ. ปี 65 โต 24% คุมค่าใช้จ่าย-ผลขาดทุนด้านเครดิตลด

HoonSmart.com>> “แบงก์ซีไอเอ็มบี ไทย” โชว์กำไรสุทธิปี 65 ที่ 3,033 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.3% จากงวดปีก่อน หลังคุมค่าใช้จ่ายดีขึ้น ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 39.4% จากการลดลงการด้อยค่าของสินทรัพย์ ด้านรายได้ดำเนินงานลดลง 2.9% NIM อยู่ที่ 2.7% ลดจาก 3.1% ต้นทุนเงินฝากเพิ่ม อัตราผลตอบแทนเงินให้สินเชื่อลดลง

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2565 มีกำไรสุทธิ 3,033.07 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.09 บาท เพิ่มขึ้น 24.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,440.55 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.07 บาท

สาเหตุหลักที่กำไรเพิ่มขึ้นเกิดจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นและผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 39.4% เนื่องจากการลดลงของการด้อยค่าของสินทรัพย์ ในขณะที่รายได้จากการดำเนินงานลดลง 2.9% หรือจำนวน 406.5 ล้านบาท เหลือ 13,753.5 ล้านบาท เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 346 ล้านบาท หรือ 3.5% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้อ

รายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง 107.9 ล้านบาท หรือ 3.9% สาเหตุหลักมาจากการลดลงของกำไรสุทธิจากการขายเงินลงทุนสุทธิกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจำนวน 47.5 ล้านบาท หรือ 3.4% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่าย

ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคงที่ส่วนใหญ่เกิดจากการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 57.1% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบงวดปีก่อนอยู่ที่ 55.5% เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานลดลง

อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (NIM) อยู่ที่ 2.7% ลดลงจากงวดปี 2564 อยู่ที่ 3.1% ผลจากต้นทุนเงินฝากเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนของเงินให้สินเชื่อลดลง

ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งตั้ประกันโดยธนาดารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาดารอยู่ที่ 235.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.0% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2564 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 289.7 พันล้วนบาท เพิ่มขึ้น 21.0% จากสิ้นปี 2584 ซึ่งมีจำนวน 239.5 พันล้านบาท

อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modifed Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารลดลงเป็น 81.2% จาก 88.5% ณ วันที่ 31 ธ.ค.2564

สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสั้นอยู่ที่ 3.3% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2564 อยู่ที่ 3.7% สาเหตุหลักจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2565 การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และกระบวนการในการเก็บหนี้

อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครติดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565 อยู่ที่ 114.6% ลดลงจากวันที่ 31 ธ.ค.2564 ซึ่งอยู่ที่ 117.5% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิดที่ดาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มขนาคารอยู่ที่จำนวน 8.2 พันล้นบาท เป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท

เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ ลิ้นวันที่ 31 ธ.ค.2565 มีจำนวน 57.6 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 21.8% โดยเป็นอัตราส่วนเงินก่องทุนชั้นที่ 1 16.1%