ดาวโจนส์ปิดร่วง 391 จุด โกลด์แมน แซคส์ฉุดตลาดหลังกำไรต่ำกว่าคาด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลบ 391 จุด แรงขายหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ฉุดตลาดหลังกำไรไตรมาส 4 ต่ำกว่าคาดมาก ตลาดยังกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังเฟดรายงานดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.ลดลงต่ำกว่าคาด ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ส่วนใหญ่ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 17 มกราคม 2566 ปิดที่ 33,910.85 จุด ลดลง 391.76 จุด หรือ -1.14% หลังเปิดการซื้อขายจากที่ปิดทำการในวันจันทร์ ด้วยแรงฉุดจากหุ้นโกลด์แมน แซคส์หลังรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสี่ต่ำกว่าคาดอย่างมาก

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,990.97 จุด ลดลง 8.12 จุด, -0.20%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,095.11 จุด เพิ่มขึ้น 15.96 จุด, +0.14%

โกลด์แมน แซคส์รายงานกำไรไตรมาสสี่ลดลง 69% มากกว่าที่คาด เพราะรายได้ธุรกิจวาณิชธนกิจลดลงและตั้งสำรองหนี้เพิ่มนับเป็นผลกำไรที่ต่ำกว่าคาดมากสุดในรอบสิบปี ราคาหุ้นลดลง 6.5%

ขณะที่มอร์แกน สแตนเลย์ รายงานผลการดำเนินต่ำกว่าคาดเล็กน้อยจากรายได้ธุรกิจบริการความมั่งคั่งที่สูงเป็นประวัติการณ์ ราคาหุ้นบวก 5.91%

Yung-Yu Ma จาก BMO Wealth Management กล่าวว่า โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนเลย์ สะท้อนภาพผลการดำเนินงานว่า แม้แต่ในกลุ่มธนาคารธุรกิจประเภทเดียวกันก็ต่างกันมาก เพราะฉะนั้นบ่งชี้ว่าในฤดูกาลผลการดำเนินงานนี้จะมีตัวเลขที่แตกต่างกันตามประเภทอุตสาหกรรม

นักวิเคราะห์ของแบงก์ออฟอเมริกา กล่าวว่า จากนี้ไปความสนใจของนักลงทุนจะไปอยู่ที่การรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งการตอบสนองต่อผลการดำเนินงานจะมากขึ้น ขณะที่การตอบสนองต่อเงินเฟ้อและการดำเนินนโยบายการเงินลดลงแล้ว

ผลประกอบการไตรมาสสี่ของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P 500 คาดว่าจะลดลง 3.9% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะเป็นการลดลงครั้งแรกเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ลดลง 5.7% ในไตรมาสสามปี 2020

นอกจากนี้ตลาดยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index)เดือนมกราคมลดลงสู่ระดับ -32.9 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 และต่ำกว่า -7 ที่นักวิเคราะห์คาด

คำสั่งซื้อใหม่ลดลงมาที่ -31.1 การจัดส่งลดลงมาที่ -22.4 การจ้างงานก็ลดลง 11.2 จุดโดยเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 จุด

แบงก์ออฟอเมริการะบุในบทวิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจจะถดถอยในราวไตรมาสสองของปี 2023 เพราะการใช้จ่ายผู้บริโภคแกร่งกว่าคาด ราคาพลังงานลดลงและเฟดจะผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ย

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก นำโดยหุ้นเหมืองแร่ที่เพิ่มขึ้น 1% หลังมีรายงานว่า ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำลังพิจารณาที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

ตลาดได้รับแรงกดดันตลอดทั้งวันจากข้อมูลเศรษฐกิจของจีน โดย GDP ปี 2022 ขยายตัว 3% ซึ่งเป็นตัวเลขรายปีที่โตต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี และจากผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดอย่างมากของโกลด์ แมนแซคส์

อย่างไรก็ตลาดฟื้นตัวในช่วงท้ายการซื้อขายจากรายงานว่านางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่า มีแนวโน้มที่ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ และอาจจะปรับขึ้นอีก 0.25% ในเดือนมีนาคม

นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีราคาขายส่งซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ เดือนธันวาคมของเยอรมนีลดลง 1.6% เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปีเพิ่มขึ้น 12.8% จากที่เพิ่มขึ้น 14.9% ในเดือนพฤศจิกายน

หุ้นLVMH เพิ่มขึ้น 0.6% ไปแตะระดับ all-time high และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาด(market capitalisation)สูง 400 พันล้านยูโร เป็นครั้งแรก กลายเป็นผู้นำในบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดของยุโรป

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 456.46 จุด เพิ่มขึ้น 1.83 จุด, +0.40%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,851.03 จุด ลดลง 9.04 จุด, -0.12%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,077.16 จุด เพิ่มขึ้น 33.85 จุด, +0.48%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,187.07 จุด เพิ่มขึ้น 53.03 จุด, +0.35%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 80.18ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 85.92ดอลลาร์ต่อบาร์เรล art.com/archives/290935