บล.บัวหลวงเปิดตัว “Global Trade Master” แพลตฟอร์มเทรดหุ้นต่างประเทศใหม่

HoonSmart.com>> “บล.บัวหลวง” เปิดตัวแพลตฟอร์มลงทุนหุ้นต่างประเทศใหม่ “Global Trade Master” พร้อมกับ 4 ฟีเจอร์หลักและเครื่องมือช่วยวิเคราะห์หุ้นสุดล้ำ ภายใต้แนวคิด “ที่เดียวครบ ง่ายสำหรับทุกคน” เปิดบัญชีครั้งเดียวเทรดหุ้นออนไลน์ได้ 3 ตลาดทั้งสหรัฐฯ ฮ่องกง และเวียดนาม พร้อมเข้าถึงการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ในรูปแบบ US Fractional Shares และตลาดหุ้นเวียดนามได้ด้วยตัวเอง

บรรณรงค์ พิชญากร

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ลงทุนไทยให้ความสนใจลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น สะท้อนผ่านมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 ที่อยู่ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2563 หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายเกณฑ์การนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ ขณะที่การลงทุนต่างประเทศยังช่วยกระจายความเสี่ยง, ลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน และแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในประเทศ

ล่าสุดบริษัทได้ยกระดับการลงทุนต่างประเทศไปอีกขั้น หลังเปิดบริการลงทุนต่างประเทศใน 3 ตลาดหุ้นชั้นนำอย่างสหรัฐฯ ฮ่องกง และเวียดนาม ผ่านระบบ Global Invest ครั้งแรกเมื่อปี 2562 ด้วยการพัฒนาระบบซื้อขายหุ้นต่างประเทศตัวใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อ “Global Trade Master” ที่เป็นมากกว่าแพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นต่างประเทศทั่วไป โดยมาพร้อมกับเครื่องมือวิเคราะห์หุ้นสุดล้ำที่จะทำให้การลงทุนต่างประเทศเป็นเรื่องง่าย ซึ่งผู้ลงทุนสามารถใช้งานได้แบบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลเชิงพื้นฐาน, สัญญาณทางเทคนิค, อัตราส่วนทางการเงิน, ข่าวสารด้านลงทุน และมุมมองลงทุนจากนักวิเคราะห์ โดยผู้ลงทุนสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศออนไลน์เพียงครั้งเดียวก็ลงทุนได้ถึง 3 ตลาด คือ สหรัฐฯ ฮ่องกง และเวียดนาม โดยไม่จำกัดวงเงินลงทุนขั้นต่ำและวงเงินลงทุนครั้งแรก

สำหรับ 4 ฟีเจอร์หลักสุดล้ำของ “Global Trade Master” ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ คือ

1. Markets ซื้อขายหุ้นต่างประเทศออนไลน์ได้ครบ 3 ตลาดทั้งตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง เวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือ ETF กว่า 10,000 ตัว โดยมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำในแต่ละตลาดเพียง 3 ดอลลาร์สหรัฐ, 50 ดอลลาร์ฮ่องกง และ 300,000 ดอง ตามลำดับ ขณะเดียวกันยังสามารถลงทุนหุ้นในตลาดเวียดนามออนไลน์ได้ด้วยตนเองเพียงปลายนิ้ว จากเดิมที่ต้องส่งคำสั่งซื้อขายผ่านผู้แนะนำการลงทุน นอกจากนั้นยังซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ ในรูปแบบ US Fractional Shares ได้ด้วย ซึ่งผู้ลงทุนสามารถซื้อหุ้นเป็นเศษหุ้นได้มากถึง 5 ทศนิยม โดยไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นเต็มจำนวน มูลค่าลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ค่าธรรมเนียมเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อรายการ (ไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่น ๆ)

2. Analytics เครื่องมือสนับสนุนก่อนตัดสินใจลงทุน ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นฐาน (Fundamental) ที่รวบรวมราคาเป้าหมายหุ้นทั่วโลกไว้ในที่เดียว และข้อมูลเชิงเทคนิค (Technical) ด้วยสัญญาณ Bull และ Bear ที่แสดงข้อมูลให้อัตโนมัติ มาพร้อมข้อมูลตลาดหุ้นหลักทั่วโลก และข่าวสารลงทุนจากหลากหลายสำนักข่าวต่างประเทศชั้นนำ

3. Quick Trade ฟีเจอร์ที่จะทำให้การซื้อขายหุ้นต่างประเทศมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นมาพร้อมกลยุทธ์พิเศษที่สามารถเพิ่มการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นตามเงื่อนไขได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอกับเมนู Advanced Order ที่สำคัญยังมีข้อมูลราคาซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ US Real-Time Market Price ไว้ให้บริการด้วย

4. Global Investing Services บริการลงทุนต่างประเทศครบจบตั้งแต่ฝากเงิน, โอนเงินระหว่างสกุล, สรุปทุกธุรกรรมการลงทุน พร้อมคำแนะนำการลงทุนต่างประเทศจากทีมงานมืออาชีพ

ปัจจุบันผู้ลงทุนสามารถเข้าใช้บริการ Global Trade Master ได้ 2 ช่องทาง คือ แอปพลิเคชัน Streaming และเว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง โดยเร็ว ๆ นี้ จะเปิดให้ใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน Global Trade Master เพิ่มเติมอีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้บนโทรศัพท์มือถือ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111

ด้านนายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส หลักทรัพย์บัวหลวงเปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฮ่องกง เวียดนาม หลังราคาปรับตัวลงมาจากหลากหลายปัจจัย เช่น สงครามรัสเซียยูเครน, ราคาพลังงานสูง, การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และความกังวลเศรษฐกิจถดถอย เป็นต้น ส่งผลให้ดัชนี S&P 500, ดัชนีฮั่งเส็ง และดัชนี VN ปรับตัวลง 19% 15% และ 33% ตามลำดับ

ภาพรวมการลงทุนในปี 2566 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฮ่องกง และเวียดนาม เชื่อว่า แนวโน้มจะดีขึ้นอย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้จะมีความเสี่ยงในการถูกปรับลงของคาดการณ์กำไรไตรมาส 1 ปี 2566 แต่ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 สถานการณ์จะดีขึ้นจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังมีมุมมองบวกต่อ “กลุ่ม Defensive” หุ้นที่มีผลการดำเนินงานเติบโตสม่ำเสมอ เช่น CVS Health (CVS) และ UnitedHealth (UNH) ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำที่ราคาปรับลงมาก็น่าสนใจ โดยเปลี่ยนสถานะจาก “หุ้น Growth” เป็น “หุ้น Value” เช่น Alphabet (GOOG) และ Microsoft (MSFT)

สำหรับตลาดหุ้นฮ่องกงจะเริ่มดีขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ของจีนและฮ่องกง ขณะที่เศรษฐกิจอาจฟื้นตัวจากการเปิดพรมแดนระหว่างกันตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา สะท้อนผ่านคาดการณ์จาก Bloomberg Consensus ที่ระบุว่า ตัวเลข GDP ของจีนมีแนวโน้มเติบโตประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่คาดการณ์ตัวเลข GDP ฮ่องกงอาจกลับมาโต 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน เราจึงมีมุมมองบวกต่อหุ้นที่อิงการเปิดเมือง เช่น Yum China (9987), Anta Sports (2020) และ MTR (66) รวมถึงหุ้นเทคโนโลยี Alibaba (9988), Tencent (700) และ Meituan (3690)

ส่วนตลาดหุ้นเวียดนามจะได้รับอานิสงส์จากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางเวียดนามได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา เช่น การอัดฉีดสภาพคล่อง และการขยายเพดานอัตราเติบโตสินเชื่อธนาคารพาณิชย์

ขณะที่คาดการณ์จาก Bloomberg Consensus ระบุว่า ตัวเลข GDP ปี 2566 อาจโต 6.2% ฉะนั้นแนะนำธีมลงทุนใน 2 กลุ่มหลัก คือ 1. หุ้นอิงการเปิดเมืองขานรับการท่องเที่ยว เช่น Vincom Retail (VRE) และ Sabeco (SAB) และ 2. หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและวัสดุ เช่น HCMC Infrastructure (CII) หลังรัฐบาลมีแผนเพิ่มการลงทุนด้านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในปีนี้