BBL-KBANK-SCB ขึ้นนำกลุ่มธนาคาร ศก.ไทยดี-คาดกำไร Q4/65 โต

HoonSmart.com>>หุ้น BBL-KBANK-SCB ขึ้นนำกลุ่มธนาคาร เทรดคึกคัก ตอบรับเศรษฐกิจไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี-ได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้นในครึ่งแรกปีนี้-ได้ Sentiment บวกจากการเปิดประเทศของจีน ด้านบล.ฟิลลิป แนะ”ลงทุนมากกว่าตลาด”คาดกำไรไตรมาส 4/65 โต 19.4% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามสินเชื่อ-การปรับขึ้นดอกเบี้ย-การตั้งสำรองลดลงจากปีก่อน โดย KTB กำไรเด่นสุดเทียบ y-y ส่วน BBL เด่นสุดเทียบ q-q พร้อมให้ BBL เป็น Top pick

หุ้น BBL-KBANK-SCB ปิดเทรดภาคเช้าขึ้นนำกลุ่มธนาคาร ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก โดยหุ้น BBL บวก 1.66% มาที่ 153.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,334.97 ล้านบาท
หุ้น KBANK บวก 1.34% มาที่ 151.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,619.50 ล้านบาท
หุ้น SCB บวก 0.93% มาที่ 108.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 620.52 ล้านบาท

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารเข้ามาในวันนี้ โดยมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สองครั้งในครึ่งแรกปี 66 ซึ่งจะยังหนุนผลงานของกลุ่มธนาคารให้ปรับตัวขึ้นได้ ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยในปี 66 คาดว่าจะเติบโตได้ไม่แตกต่างจากปี 65 แต่ได้ Sentiment บวกจากการเปิดประเทศของจีน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีนคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไทยมา ซึ่งจะหนุนกลุ่มธนาคารให้ปรับตัวขึ้นได้ด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารได้แรงหนุนจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวจีนจะเข้าประเทศแล้ว ทางกระทรวงการคลังยังคาดดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้ +1.1% ของ GDP ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่มธนาคารมากกว่าตลาด คาดกำไรไตรมาส 4/65 กลุ่มธนาคารรวมกัน 50 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามสินเชื่อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และคาดว่าการตั้งสำรองจะลดลงจากปีก่อน แต่คาดว่าจะลดลง 3% q-q เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี และการตั้งสำรองที่อาจจะยังสูงในหลายธนาคาร

ทั้งนี้ คาด KTB กำไรเด่นสุด y-y คาดจะมีกำไร 8.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% y-y นอกจากรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น การตั้งสำรองก็คาดว่าจะลดลงมากด้วย ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นมาก ส่วน BBL เด่นสุด q-q คาดว่าจะมีกำไร 8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% q-q และเป็นเพียง 2 ธนาคารนอกเหนือจาก TISCO ที่คาดว่าจะมีกำไรไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้น q-q เนื่องจากคาดว่าสัดส่วนสำรองต่อ NPL ที่ BBL มีเป็นจำนวนมากจะทำให้การตั้งสำรองลดลง

นอกเหนือจากความต้องการสินเชื่อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง น่าจะทำให้การเติบโตของสินเชื่อยังคงมีต่อในปี 66 กลุ่มธนาคารจะังได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยเลือก BBL เป็น Top pick

กลุ่มธนาคารคาดการณ์กำไรไตรมาส 4/65 ดังนี้
ธนาคารกรุงศรี (BAY) คาดกำไร 7,993 ล้านบาท เติบโต 25.2% y-y, -0.9% q-q
ธนาคารกรุงเทพ (BBL) คาดกำไร 8,032 ล้านบาท เติบโต 27.1% y-y, 4.9% q-q
ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) คาดกำไร 8,866 ล้านบาท เติบโต -10.5% y-y, -8.5% q-q
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) คาดกำไร 2,022 ล้านบาท เติบโต -0.1% y-y, -2.9% q-q
ธนาคารกรุงไทย (KTB) คาดกำไร 8,109 ล้านบาท เติบโต 64% y-y, -4% q-q
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) คาดกำไร 10,015 ล้านบาท เติบโต 27.1% y-y, -2.9% q-q
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) คาดกำไร 1,780 ล้านบาท เติบโต -0.6% y-y, 0.5% q-q
ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) คาดกำไร 3,379 ล้านบาท เติบโต 20.7% y-y, -9% q-q