อภินิหารหุ้น DELTA ทะลุ 1 ล้านล้านบ. จับตา”เซอร์ไพรส์” ดันราคาแรงต่อ

HoonSmart.com>>ในปี 2565 หุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ร้อนแรงเหนือคาด โดยเฉพาะวันสุดท้ายของปี ( 30 ธ.ค.) ราคากระโดดขึ้นไปปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (all time high) ที่ 830 บาท แจกกำไร 14.96% หนุนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) พุ่งขึ้นเป็น 1,035,326.74 ล้านบาท ห่างจากเบอร์ 1 บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) เพียง 36,100 ล้านบาท คาดว่าช่วงสั้นจะชนะได้ แต่บริษัทจะรักษาอันดับหนึ่งได้นานแค่ไหน ราคาจะไปได้ไกลเพียงใด ต้องสร้างเซอร์ไพรส์ “กำไรสุทธิ” หรือข่าวลือเรื่อง”แตกพาร์”กำลังจะเป็นจริง ต้องติดตาม…

นักลงทุนพร้อมใจกันลุยหุ้น DELTA อย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยไม่สนใจว่าราคาจะสูงเกินกว่าที่นักวิเคราะห์ทุกคนให้มูลค่าเหมาะสมในปี 2566 มากแล้วก็ตาม โดยบล.บัวหลวงให้เป้าหมายสูงสุด 700  บาท ระหว่างวันวิ่งขึ้นไปแตะ 876 บาท ก่อนย่อมาปิดที่ 830 บาท บวก 108 บาทหรือ 14.96% ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายหนาแน่นถึง 19,112 .75 ล้านบาท ดันมาร์เก็ตแคปในหนึ่งวันพุ่งขึ้นถึง 134,717 ล้านบาท มีมูลค่าทั้งสิ้น 1,035,326.74 ล้านบาท น้ำหนักมากขนาดนี้มีผลให้ตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 10 จุด ปิดสวยงามที่ระดับ 1,668.66  จุด

สาเหตุหนึ่งที่ดึงดูดให้เงินไหลบ่าเข้าหุ้น DELTA มากผิดปกติ เป็นเพราะนักลงทุนสถาบันทั้งไทยและต่างประเทศมีการปรับพอร์ต ก่อนที่หุ้นจะเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET 50 และ SET 100  ในรอบนี้ (3 ม.ค.-30 มิ.ย. 2566) แต่ปรากฎการณ์กลับไม่เกิดขึ้นกับหุ้นอีก 3 บริษัทที่เข้า SET 50 ด้วยเช่นเดียวกัน คือ CENTEL, COM7, RATCH

ทั้งๆที่ เดลต้าฯก็ไม่ได้เพิ่งเข้า SET 50 เป็นครั้งแรก จะดีใจอะไรขนาดนั้น  นับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดตัวดัชนี SET เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2548 เดลต้าฯ เข้ารอบมาโดยตลอด ยกเว้นเพียง 3 ช่วง ได้แก่ เดือนม.ค.-มิ.ย. 2561, เดือนก.ค.-ธ.ค.2563 และเดือนม.ค.-ธ.ค.2565 ซึ่งครั้งหลังสุดถูกคัดออกเพราะตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนวิธีการคำนวณสำหรับดัชนี SET50 SET100 และ SETHD จากการใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเต็มรูปแบบ เป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปรับแล้วแบบลอยตัวอิสระ เพื่อสะท้อนสภาวะตลาดในด้านสภาพคล่องได้ดีขึ้น และป้องกันการเก็งกำไรในหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ

“เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ฯ” ใช้ความแข็งแกร่งของกำไร สามารถเอาชนะเกณฑ์ใหม่ของตลาดได้ในรอบนี้ กลับเข้าสู่ดัชนี 50 และ 100 ได้ ที่สำคัญยังได้รับการเลือกเข้าร่วมดัชนีความยั่งยืนระดับโลก (DJSI) ประจำปี 2565 เป็นครั้งที่ 2 สำหรับผลการดำเนินงานโดดเด่นและยอดเยี่ยมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ตกเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนต่างประเทศ

สำหรับนักลงทุนไทย เชื่อว่าส่วนใหญ่ได้แต่มอง ไม่กล้าเข้าไปซื้อ เมื่อเห็นราคาในตลาดขึ้นมามากขนาดนี้ ห่างจากเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ 12 รายให้ไว้เฉลี่ย 535.17 บาทสำหรับปี 2566  โดยบล.พายตีมูลค่าต่ำที่สุด  430 บาท ตามด้วย บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)ที่ 434 บาทและบล.เอเซียพลัสที่ 440 บาท  ขณะที่บล.บัวหลวงให้เป้าหมายสูงที่สุด 700 บาท

โดยนาย ณพล ใจเสน รองผู้จัดการฝ่ายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า ราคาเป้าหมายหุ้น DELTA  ที่ 700 บาท มาจากบริษัทฯเพิ่งปรับขึ้นมา เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2565  เทียบกับราคาหุ้นในตลาดวันที่ 1 ส.ค.ปิดที่ 510 บาท โดยคำนวณจากปัจจัยพื้นฐาน กำไรอยู่ในช่วงขาขึ้นตามธุรกิจของลูกค้า ทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และดาต้าเซ็นเตอร์ นักลงทุนพร้อมเข้ามาซื้อขาย จึงให้ราคาเทียบกับในอดีต ระดับ 3 SD คือ 700 บาท น่าจะเป็นไปได้

“หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไม่สามารถดู P/E ปกติได้  ในช่วงขาขึ้น จะขึ้นไปโอเวอร์ ในทางกลับกัน ถ้าช่วงขาลงก็ดิ่งลงแรง ตามวัฎจักร ถ้าให้ 2SD เป็นกรอบ ราคาอยู่ที่  520 บาท 3SD อยู่ที่  700 บาท น่าจะเป็นไปได้ ส่วน 5SD เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2563 ราคาซื้อขายที่  838 บาท P/E  สูงถึง 96 เท่า เทียบกับปัจจุบันราคาจะขึ้นไปถึง 1,000 บาท แต่สถานการณ์ตอนนั้น หุ้นอิเล็กทรอกนิกส์  DELTA, HANA ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19  คนทำงานที่บ้าน ดาต้าเซ็นเตอร์โตมาก และไม่มีหุ้นกลุ่มอื่นให้เล่น แต่ตอนนี้โควิดหมดแล้ว  มีหุ้นเปิดเมืองให้เลือก มีหุ้นหลายกลุ่มให้เล่น  ดังนั้นเป้าหมาย 1,000 บาท ยังต้องรอเวลา คำแนะนำหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอกนิกส์ในปัจจุบัน ให้เพียง ถือ”นาย ณพลกล่าว

แนวโน้มราคาหุ้น DELTA  จะไปถึง 1,000 บาทได้ บริษัทฯจะต้องสร้างเซอร์ไพรส์ เช่น กำไรโตมากกว่าที่คาดไว้ ทะลุ 4,000 ล้านบาท/ไตรมาส โดยบล.บัวหลวงคาดการณ์ว่า ในปี 2565 จะมีกำไรสุทธิ 15,220.23  ล้านบาท เท่ากับกำไรหุ้นละ 22.20 บาท และปี 2566 มีกำไรสุทธิ 17,280.28 ล้านบาท คิดเป็นกำไรหุ้นละ 13.85 บาท  ทั้งนี้ในงวด  9 เดือนปี 2565  บริษัทมีกำไรสุทธิ 11,153 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 8.94 บาท เฉพาะไตรมาสที่ 3 ทำได้ดี 4,110 ล้านบาท เดลต้าฯจะโตต่อไป เป็นเรื่องของการเพิ่มกำลังการผลิต แต่ยังไม่เห็นธุรกิจใหม่ รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาท

ขณะที่ในปี 2566 ปัจจัยแวดล้อมของธุรกิจไม่เอื้ออำนวย ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปจะถดถอยลงขนาดไหน กำลังซื้อมีความไม่แน่นอนอยู่มาก ยอดขายสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ตั้งโต PC จะดีไหม รถยนต์ EV ของเทลล่ายังมีการลดราคาลง ส่วนธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ยังดีอยู่ มีการตั้งคำถามจากหลายฝ่าย  หลังจากเห็นบริษัทใหญ่ระดับโลก เช่น กูเกิ้ล มีการลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย จะมีการลงทุนเพิ่มหรือไม่ รวมถึงการอ่านนโยบายธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปรียบเสมือนการใช้ยา จะต้องติดตามผลว่า อัตราเงินเฟ้อและกำลังซื้อจะชะลอตัวลงหรือไม่

ดังนั้นในช่วงครึ่งปีแรกยังไม่แนะนำให้เพิ่มน้ำหนัก จะกลับมาพิจารณาอีกครั้ง เมื่อราคาลงไปจากเป้าหมาย 15% และเหมาะสมกับกำไรที่ได้หรือไม่

ด้านนายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า  แนวโน้มการเดำเนินงานในปี 2566 ยังคงเติบโต  ลูกค้า EV ส่งไปขายมากทางยุโรป  และ ดาต้า เซ็นเตอร์ยังดีอยู่  นอกจากนี้โรงงานใหม่กำลังเสร็จ เพิ่มกำลังการผลิตได้กลางปีนี้  แต่ยังไม่ทราบว่าเท่าไร รอข้อมูลจากฝ่ายที่ดูแลก่อน แต่น่าจะเยอะ