ก.ล.ต.อนุมัติแบบคำขอ PRTR ขาย IPO 150 ล้านหุ้น เข้า SET ต้นปีหน้า

HoonSmart.com>> ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป (PRTR) จำนวน 150 ล้านหุ้น เตรียมเดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุน พร้อมเดินหน้าเข้าตลาด SET ต้นปีหน้า

น.ส.สุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) (KGI) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นประมาณ 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลัง IPO ในครั้งนี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะจัดงานนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ตามแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงต้นปี 2566 ย้ำศักยภาพธุรกิจ PRTR คือหนึ่งในผู้ให้บริการจัดจ้างพนักงานและสรรหาบุคลากรชั้นนำของประเทศไทย ที่ให้บริการแบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์มายาวนานกว่า 29 ปี ทำให้ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้บริการในหลากหลายธุรกิจ ทั้งลูกค้าองค์กรไทยและต่างประเทศ และมีการขยายฐานลูกค้าโดยนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ขับเคลื่อน เพื่อตอบโจทย์องค์กรธุรกิจยุคใหม่

วัตถุประสงค์การระดมทุนครั้งนี้ PRTR จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการและจ่ายคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 PRTR มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท และมีทุนที่ชำระแล้วจำนวน 225,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 450,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ 10 พฤศจิกายน 2565 และภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ประกอบด้วย กลุ่มคุณริศรา เจริญพานิช สัดส่วนก่อนและหลัง IPO อยู่ที่ 21.4% และ 17.8% ตามลำดับ และกลุ่มคุณจารุวรรณ สัดส่วนก่อนและหลัง IPO อยู่ที่ 22.4% และ 7.5% ตามลำดับ ส่วนที่เหลือคือผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ โดยมีบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ตกลงจะซื้อหุ้น PRTR จำนวน 90,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 15% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ PRTR ภายหลัง IPO จากผู้ถือหุ้นเดิมของ PRTR จำนวน 3 ราย (คุณพอล เดวิด ชอนดี้, คุณจารุวรรณ พานิชเจริญ และ คุณริชาร์ด ฮิวจ์ เบนเนต) ในราคาเท่ากับราคา IPO และจะนำหุ้นของ PRTR ทั้งจำนวนดังกล่าวฝากในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย)

น.ส.ริศรา เจริญพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป หรือ PRTR เปิดเผยถึง แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตสู่ระดับสากล พร้อมกับความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำHR ยุคดิจิทัล ที่สอดรับไปกับการดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นขององค์กรธุรกิจ โดยมุ่งเน้นบริการด้านทรัพยากรบุคคลครบวงจร (Total HR Solutions) เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน

ในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งสำคัญทำให้องค์กรอยู่รอด ดังนั้นทางฝ่ายทรัพยากรบุคคล (Human Resource) ต้องเร่งสปีดให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเพื่อช่วยผลักดันให้องค์กรเติบโตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ PRTR จึงมุ่งหวังช่วยยกระดับให้ HR ก้าวเข้าสู่ HR 4.0 ได้อย่างเต็มตัว มุ่งมั่นที่จะสร้างการจ้างงานที่ดีขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสังคมที่ดีขึ้น ด้วยวิสัยทัศน์ เป็นองค์กรด้านบุคลากรอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน PRTR มีความแข็งแกร่ง แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะหดตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 2563 เป็นต้นมา แต่รายได้ของ PRTR ระหว่างปี 2562 – 2564 ยังคงสามารถเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 10.8% โดยผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 – 2564) มีรายได้จากการให้บริการ 4,525 ล้านบาท 4,866.3 ล้านบาท และ 5,555.9 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2562 – 2564 เท่ากับ 122.0 ล้านบาท 120.7 ล้านบาท และ 183.2 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่เกิดจากลูกค้าในประเทศไทย

งวด 6 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้จากการให้บริการ 2,960.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,669.1 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 96.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 79.3 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้แบ่งตามประเภทธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจ Outsource สัดส่วน 95.7% ธุรกิจ Recruitment 4.1% และ ธุรกิจ Integrated Learning Service 0.1% ของรายได้รวม และมีอัตรากำไรสุทธิ 3.3% มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงขึ้นอยู่ที่ 57.9% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นจากการขยายฐานรายได้ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่