“คิงส์ฟอร์ด” คาดดัชนีทรงตัวในกรอบ 1,110-1,150 จุด ก่อนหยุดยาว แนะ FM-NSL

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มดัชนีทรงตัวในกรอบก่อนหยุดยาวสงกรานต์ แนวรับ 1,110–1,120 จุด ส่วนแนวต้าน 1,140–1,150 จุด ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงแรงกังวลเศรษฐกิจถดถอยหลังเก็บภาษีจีนสูง 145% ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนมี.ค. ลดลงแตะ 2.4% ต่ำกว่าคาด แนะทยอยซื้อกลุ่มอาหาร”CPF,GFPT,TFG,TU,ASIAN,AAI,ITC,XO” มีโอกาสเร่งสต็อคสินค้าจากประเทศคู่ค้า

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,110 – 1,120 จุด แนวต้าน 1,140 – 1,150 จุด คาดดัชนีทรงตัวในกรอบ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยติดวันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศยังมีความผันผวน แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอาหาร เช่น CPF,GFPT,TFG,TU,ASIAN,AAI,ITC,XO มีโอกาสเร่งสต็อคสินค้าจากประเทศคู่ค้า , พักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น ADVANC,GULF,PR9,BCH,OR

วานนี้หุ้นพุ่งแรง 4.21% ตามหุ้นโลก หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเลื่อนมาตรการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน โดยนักลงทุนได้เริ่มทำการ Cover Short หลังปัจจัยเสี่ยงสงครามการค้าลดลงระดับหนึ่ง กอปรกับ Valuation ของ SET ก็อยู่ในโซนถูกเทรดที่ F/PE 13X และยังอาจได้แรงซื้อหุ้นในกลุ่ม ESG ที่มีเรตติ้งดี และราคาหุ้นลดลงแรง เช่น กลุ่มนิคมฯ, โรงไฟฟ้า, ปิโตรเคมี, สาธารณูปโภค มีโอกาสจะได้เม็ดเงินหนุนจากกองทุน Thai ESGX ที่จะเปิดขายใน พ.ค. – มิ.ย.นี้

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -2.50%, S&P500 -3.46%, Nasdaq -4.31% แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเลื่อนการเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ออกไป 90 วัน แต่ยังเรียกเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจีนที่อัตรา 145% ส่งผลให้นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอาจเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ขณะที่รายงาน US CPI มี.ค. ลดลงอยู่ที่ 2.4% และก.พ. 2.8% และคาด 2.5% YoY

แต่มิเชล โบว์แมน คณะกรรมการเฟดให้ความเห็นยังต้องรอประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์

ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม ม.มิชิแกนจะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เม.ย. คาด 54.0 และมี.ค. 57.0 , คาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างหน้า มี.ค. คาดที่ 5.1% และก.พ. 5.0 % และรายงานกำไร Q1/68 ของ JPMorgan, Morgan Stanly, Wells Fargo

ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น Stoxx600 +3.7% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร +5.2%, เหมืองแร่ +3.8% และพลังงาน +2.5% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร, เหมืองแร่ และพลังงาน หลังประธานาธิบดีทรัมป์เลื่อนการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ออกไป 90 วัน ก่อนที่ EU กำลังจะตอบโต้สหรัฐด้วยการปรับขึ้นภาษีมูลค่า 2.1 หมื่นล้านยูโร

อย่างไรก็ตาม EU ถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรรถยนต์ที่ 25% และภาษีพื้นฐาน 10% ซึ่งยังต้องรอผลการเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐ ขณะที่วันพฤหัสหน้า 17 มี.ค. ติดตามผลการประชุม ECB คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.25% และเทรดเดอร์ยังคาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้

สำหรับหุ้นเด่นแนะนำ ได้แก่ FM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.20 บาท) กลุ่มส่งออกไก่มีปัจจัยหนุนจากประเทศตะวันตกและเอเชียเหนือได้รับผลกระทบจากโรคไข้หวัดนกระบาด ซึ่งทำให้ปริมาณส่งออกจากไทยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ FM ตั้งเป้ารายได้ในปี 68 เติบโต +12-15%YoY แบ่งเป็น ธุรกิจไก่ปรุงสุก (Cook added value : CAV) +20-25% จาก demand ที่สูงขึ้น และการขยายกำลังการผลิตในปีก่อน ส่วนธุรกิจไก่สดชำแหละ +5-7% จากการขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ

นอกจากนี้คาด GPM ยังได้อานิสงส์จากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงทั้งกากถั่วเหลืองและข้าวโพด สำหรับแผนระยะยาวบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย 1 หมื่นล้านบาทในปี 70 จากการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มร้านอาหาร quick service restaurant และลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพ โดยจะลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิต และทำระบบ automation ด้านฐานะทางการเงินเข้มแข็งด้วย D/E ต่ำ ROE สูง สามารถจ่าย Div.Yield ได้สูง และ Valuation ปัจจุบันไม่แพง

หุ้น NSL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 39.83บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 147 ล้านบาท +44%YoY +9%QoQหนุนด้วย High Season, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค รวมถึงสินค้าใหม่ๆยังตาม trend เช่น ข้าวโพดอบชีสเบคอน,ช็อกโกแลตดูไบ(Bake a Wish)

ส่วนปี 68 คาดว่าจะมีปัจจัยบวกต่อเนื่องจากโรงงานใหม่ที่พึ่งเสร็จสิ้นใน 4Q67(NSL FOODS สาขา5)รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ซึ่ง 1Q68 จะมีสินค้าใหม่ เช่น ช็อกโกแลตโมจิทาร์ต, โรตีข้าวโพดชีส เป็นต้น โดย NSL วางเป้ารายได้ปี68 โตราว +16-17%YoY ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี 68 และ69 กำไรสุทธิของ NSL* จะอยู่ที่ระดับ 602 ล้านบาท (+11%YoY) และ 679 ล้านบาท (+13%YoY)

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–