HoonSmart.com>> “ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น” รุกตั้งบริษัทย่อย 2 แห่งใน “จีน-เนเธอร์แลนด์” เดินหน้าขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงสู่ตลาดจีนและทวีปยุโรป เพิ่มรายได้และกำไรให้กลุ่มบริษัท
บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2565 มีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศจีนและเนเธอร์แลนด์ โดยจัดตั้งบริษัท ไอ-เทล (เซี่ยงไฮ้) จำกัด ในประเทศจีน เพื่อขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงสู่ตลาดจีน มุ่งเน้นการหาลูกค้ากลุ่มร้านค้าปลีกที่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง รวมไปถึงแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
พร้อมกันนี้จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศเนเธอร์แลนด์ ชื่อบริษัท i-Tail Europe B.V. จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายเนเธอร์แลนด์ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดทวีปยุโรป โดยการนำเข้า ขายและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงและสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงไปยังประเทศในทวีปยุโรป โดยเฉพาะตลาดในสหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ เพื่อมุ่งเน้นการหาลูกค้ากลุ่มร้านค้าปลีกที่มีแบรนพ์เป็นของตนเอง และลูกค้าแบรนด์ระดับภูมิภาคยุโรป รวมไปถึงแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
การเข้าลงทุนดังกล่าว จะก่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัท เพิ่มรายได้และกำไรให้กับกลุ่มบริษัทต่อไป
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) กล่าวว่า ประเทศจีนนับเป็นตลาดกลยุทธ์สำคัญที่ ITC สนใจเข้าไปขยายธุรกิจ จากข้อมูลของ Frost & Sullivan ในปี 2564 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับแมวและสุนัขในประเทศจีนมีมูลค่าถึง 8,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 19.8% และจะมีมูลค่าถึง 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2569
ขณะเดียวกัน แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ และค่านิยมในการแต่งงานแล้วค่อยมีลูกในภายหลัง ส่งผลให้ประชากรในจีนหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น และเกิดกระแสการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว ผู้คนเริ่มตระหนักถึงการเลือกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกระดับพรีเมียมได้รับกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สำหรับการลงทุนในทวีปยุโรป ITC เล็งเห็นว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในทวีปยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักร มีขนาดใหญ่ถึง 16,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 และคาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 18,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2569 บริษัทฯ จึงวางแผนที่จะแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจ และขยายส่วนแบ่งตลาดของบริษัทฯ ในตลาดยุโรป โดยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมให้กับลูกค้าเดิม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมไปยังร้านค้าปลีกในประเทศแถบยุโรป โดยเริ่มจากการตั้งบริษัทย่อยในประเทศเนเธอร์แลนด์ พร้อมวางแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังสหราชอาณาจักรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้ถือหุ้น 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทย่อยทั้งสองแห่งในจีนและเนเธอร์แลนด์ และมีตัวแทนจากบริษัทเข้าไปเป็นกรรมการในบริษัทย่อยดังกล่าว และคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัททั้งสองแห่งแล้วเสร็จภายในเดือนก.พ.2566