HoonSmart.com>> “บลจ.จิตตะ เวลธ์” ประเมินตลาดหุ้นทั่วโลกปี 66 ฟื้นยกแผง เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย-เศรษฐกิจทั่วโลกทยอยฟื้นตัว โอกาสกระจายลงทึุน “ตลาดหุ้นจีน” รับเปิดประเทศหนุนเศรษฐกิจเอเชียฟื้น ด้าน “หุ้นไทย” ได้แรงหนุนจากการเลือกตั้งเพิ่ม ชูกลุ่มท่องเที่ยว อุปโภคบริโภคและแบงก์ ฟาก “หุ้นเวียดนาม” เด่น ราคาลงลึกน่าสนใจ พร้อมแนะหุ้นเฮลธ์แคร์-เทคโนโลยี สู้ภาวะเงินเฟ้อ-เศรษฐกิจถดถอย เพิ่มสัดส่วนลงทุน “ตราสารหนี้สหรัฐฯ” ได้อานิงส์ดอกเบี้ยเริ่มทรงตัว
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะ เวลธ์ จำกัด สตาร์ตอัปสัญชาติไทย ที่มีจำนวนกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหารมากที่สุดในประเทศ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกปี 2566 มีโอกาสฟื้นตัวหลังเห็นสัญญาณเงินเฟ้อสหรัฐฯ เริ่มลดลง จึงมองธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจชะลอความร้อนแรงปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เงินจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเพื่อหาผลตอบแทนในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว
อย่างไรก็ตามตลาดคาดว่าปี 2566 ดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับที่สูงและอาจกระทบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ จึงอาจเห็นเฟดส่งสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยลงในปลายปี 2566 จึงเป็นโอกาสทองของตลาดตราสารหนี้โดยเฉพาะพันธบัตรสหรัฐฯ และตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพหรือ Investment Grade ซึ่งนักลงทุนสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีและมีความมั่นคง
สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีแรงกดดันเรื่องเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ทำให้ปี 2566 ตลาดอาจไม่หวือหวามากนัก แต่ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่สามารถ ต่อสู้กับเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอยได้ อย่างหุ้นกลุ่มสุขภาพ (Health Care) หรือหุ้นเมกะเทรนด์อย่างกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับลดลงมามากในปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนพ.ย.2656 ดัชนี Nasdaq ปรับลดลงมาแล้ว -26.70% จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าลงทุนเพื่อรับเมกะเทรนด์ในอนาคต
ส่วนกลุ่มประเทศในเอเชีย จะเห็นไทม์ไลน์สำคัญอย่างการผ่อนคลาย มาตราการ ZERO COVID ด้วยการเปิดประเทศของจีน ที่จะเป็นแรงหนุนสำคัญ ให้เศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวได้ในภาพรวม ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเปิดเมือง ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงตลาดหุ้นจีนที่ปรับลดลงไปกว่า -22.01% ในปีนี้จะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง และยังจะส่งอานิสงส์ไปถึงตลาดหุ้นทั่วโลกให้ฟื้นกลับมาได้ด้วย ดังนั้นนักลงทุนควรเริ่มสะสมหุ้นจีนตั้งแต่วันนี้ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสการลงทุนครั้งใหญ่ได้
ในส่วนของตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นไทยที่กำลังจะเริ่มฟื้นตัวหลังเปิดประเทศในปีนี้ จะได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นได้ในปีหน้า นอกจากนี้ประเทศไทยยังจะมีประเด็นเรื่องการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 จะเป็นแรงหนุนกำลังซื้อในประเทศให้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้งย่อมมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบจำนวนมาก จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งตลาดหุ้นไทยและญี่ปุ่นถือเป็นแหล่งลงทุนที่มีเสถียรภาพ เหมาะที่จะนำมาสร้างสมดุลให้กับพอร์ตลงทุนได้
สำหรับหุ้นไทยมองกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มอุปโภคบริโภคและกลุ่มธนาคารเป็นดาวเด่นของตลาด แนะหาจังหวะลงทุน
นอกจากนี้มองตลาดหุ้นเวียดนามยังเป็นอีกตลาดที่นักลงทุนห้ามพลาด ด้วยราคาหุ้นที่ปรับลดลงตั้งแต่ต้นปีมาถึงวันที่ 30 พ.ย.2565 ปรับลดลงไปแล้ว -30.03% ทำให้ P/E Ratio อยู่ที่ 10.8 ถือว่าราคาค่อนข้างถูก เมื่อพิจารณาจากความต้องการลงทุนเพื่อย้ายฐานการผลิต ด้วยค่าแรงต่ำ และประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมหาศาล จะทำให้เวียดนามมีเสน่ห์ และเป็นดาวเด่นได้ในระยะยาว
“จะเห็นได้ว่าในแต่ละช่วงเวลาของปี 2566 จะมีโอกาสการลงทุนที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก หากที่ผ่านมาเราเสียเวลาไปกับการรอ นั่นเท่ากับเรากำลังพลาด โอกาสที่เงินจะงอกเงย”นายตราวุทธิ์ กล่าว
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2565 นี้มีหลากปัจจัยกดดันตลาดการลงทุน ทำให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวลงทั่วโลก นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 30 พ.ย.2565 ดัชนี S&P500 ปรับลดลงมาแล้ว -14.39% ขณะที่ดัชนี CSI300 ของจีนปรับลดลง -22.01%
อย่างไรก็ตามราคาสินทรัพย์ที่ร่วงลงทั่วโลกได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน จนไม่กล้าลงทุนต่อหรือรอคอยให้ตลาดลงต่ำสุดก่อน เพื่อหวังว่าจะเจอจังหวะ ที่ดีที่สุดในการเข้าลงทุน บางรายตัดใจเทขายหุ้นทิ้ง เพราะเกรงว่า ราคาจะลงไปมากกว่าเดิม ซึ่งนั่นอาจจะทำให้สถานการณ์ ยิ่งเลวร้ายลงไปกว่าเดิม และทำให้นักลงทุนมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จึงแนะนำว่า การลงทุนที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องรอจับจังหวะที่ดีที่สุด เพราะเราจะไม่มีทางทายถูก ได้ตลอดว่าจุดต่ำสุด จะอยู่ที่จุดไหน ดังนั้น ‘ฤกษ์ที่ดีที่สุด’ สำหรับการลงทุนคือ ‘เลิกรอ’
“ตลาดหุ้นขาลงทั่วโลกในปีนี้ทำให้นักลงทุนลังเลใจและมองหาจังหวะการลงทุนที่ดีที่สุด แต่รู้หรือไม่ว่าทุกนาทีที่ผ่านมา เรากำลังเผชิญกับต้นทุนค่าเสียโอกาส ในทางกลับกันหากยิ่งลงทุนเร็ว เงินก็มีโอกาสงอกเงยทำกำไรได้มากกว่า เพื่อชีวิตที่มั่งคั่งในอนาคต ดังนั้นฤกษ์ที่ดีคือ ‘เลิกรอ’ เพราะโอกาสในปีหน้ามาถึงแล้ว ตั้งแต่วันนี้”นายตราวุทธิ์ กล่าว
จิตตะ เวลธ์จึงช่วยให้นักลงทุนไม่พลาดโอกาสลงทุนทั้งในไทย และต่างประเทศได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยแผนการลงทุนที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง จากทั่วโลก ทั้งหุ้น หุ้นกู้ และพันธบัตรรัฐ พิเศษ! วันนี้หากลงทุนกับ Jitta Wealth ทุก 10,000 บาท รับเครดิตค่าธรรมเนียม 100 บาท สูงสุดถึง 100,000 บาท ตั้งแต่ 13-27 ธ.ค. 65 เท่านั้น กับ 3 นโยบายลงทุนดังนี้
1. Global ETF จัดพอร์ตตามทฤษฎีรางวัลโนเบลด้วย ETF หุ้นและตราสารหนี้ชั้นดีทั่วโลก เลือกลงทุนได้ตามความเสี่ยง ผลตอบแทนคาดหวัง 4-8% ต่อปี ลงทุนเริ่มต้น 50,000 บาท
2. Thematic ลงทุนธีมเมกะเทรนด์ที่คุณเชื่อมั่น พร้อมเทคโนโลยีดูแลพอร์ตอัตโนมัติ ลงทุนเริ่มต้น 50,000 บาท
3. Jitta Ranking ลงทุน ‘หุ้นดี ราคาเหมาะสม’ แบบอัตโนมัติตามแนวคิด Warren Buffett ลงทุนเริ่มต้น 500,000 บาท
“ยิ่งลงทุนเร็ว เงินก็มีโอกาสงอกเงยทำกำไรได้มากกว่า จิตตะ เวลธ์ จึงช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงโอกาสลงทุนทั่วโลกด้วยเงินไม่ถึงแสนก็สามารถลงทุนใน Passive ETF แบบคน ‘ฉลาดเลือก’ กับ Jitta wealth เพื่อปั้นพอร์ตลงทุนให้โตตาม เทรนด์เศรษฐกิจโลก ด้วยเทคโนโลยีช่วยทำกำไรระยะยาวตามหลักการที่ถูกต้อง พร้อมระบบ Rebalance บริหารความเสี่ยงและจัดการพอร์ตอัตโนมัติ ทุกอย่างนี้มีมืออาชีพจัดการให้ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำ เพื่อชีวิตที่มั่งคั่งในอนาคต”
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://jitta.co/3lissyc หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE @JittaWealth