“สมคิด” จี้คมนาคมเร่งลงทุน จัดให้ 5 เดือนชงครม.1.1ล้านล.

รับเหมาฯ-ขนส่ง เฮ ! “สมคิด” เร่งคมนาคมผลักดันโครงการลงทุนในช่วง 5 เดือน ก่อนเลือกตั้ง อย่ารอรัฐบาลใหม่ เจ้ากระทรวงขานรับนโยบาย เตรียมเสนอครม.เห็นชอบ 20 โครงการ มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท ส่วนแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ของ THAI รองนายกฯขีดเส้นสรุป 30 วัน บิ๊ก AOT ยอมรับ เลื่อนประมูลดิวตี้ฟรี สุวรรณภูมิ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวในที่ประชุมติดตามการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 8 ต.ค. 2561 โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และผู้บริหารกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมว่า ในช่วงเวลา 5 เดือนนี้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งและจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ต้องการให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดโครงการคมนาคมขนส่งให้แล้วเสร็จ และสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองด้วย

” อีก 3 เดือนจะเปิดการเลือกตั้ง อีก 2 เดือนก็จะมีรัฐบาลใหม่ ระหว่างนี้อย่าทำอะไรให้เสียเวลา อย่าไปรอเลือกตั้งรอรัฐบาลใหม่ ไม่เช่นนั้นจอดไม่ต้องแจว…เมื่อเรือบิน รถไฟ ถนนเกิด บ้านเมืองก็จะได้เจริญ ไม่ใช่รอให้เมืองเจริญ”นายสมคิด กล่าวกับในที่ประชุม

รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับให้นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย (THAI) เร่งจัดทำแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ ในเวลา 30 วัน จากที่นายสุเมธ จะใช้เวลาภายใน 45 วัน ซึ่งจะนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รอบใหม่ ก่อนหน้านี้การบินไทย มีแผนจะจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำ แต่รอบใหม่นี้มีแผนจัดหา 23 ลำ ดังนั้นจะต้องทบทวนแผนการบิน และเส้นทางบินใหม่

นอกจากนั้น รัฐบาลต้องการเร่งดำเนินการประกวดราคารถไฟฟ้าอย่างน้อย 1 สาย หรือ 2 สาย ภายใน 1-2 เดือนนี้ รวมทั้งโครงการรถไฟรางเบาที่ จ.ภูเก็ต โดยขอให้ดำเนินการเร็วกว่ากำหนดการที่จะนำเข้า ครม.อนุมัติในเดือน เม.ย.2562

สำหรับกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFFIF) ที่เตรียมเสนอขายในเร็วๆ นี้ นายสมคิด กล่าวว่า ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมากและได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดขายให้ประชาชนรายย่อยมากกว่านักลงทุนสถาบัน และให้กรมทางหลวงไปพิจารณาจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ล็อตที่ 2 โครงการมอเตอร์เวย์ ก็จะสามารถสร้างรายได้ที่แน่นอนเข้ามาได้ โดยรอจังหวะเสนอขายในปีหน้า

ก่อนหน้านี้ที่ปรึกษาฯและกระทรวงคมนาคม คาดว่าจะนำมอเตอร์เวย์สายที่ 7 และ 9 เข้ากองทุน ปัจจุบันรอการแก้กฎหมาย คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยภายใน 3 ปี

นายสมคิดยังได้ให้นโยบายหน่วยงานคมนาคมและรัฐวิสาหกิจ ขยายขอบข่ายการทำงานในต่างประเทศ เช่นในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) ที่สามารถรับบริหารสนามบินได้ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ที่มีแผนจะขยายการบริการเดินเรือไปที่จิตตะกอง (บังคลาเทศ), เชนไน (อินเดีย) และคอมลับโบ (ศรีลังกา)

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมจะนำเสนอการลงทุนหลายโครงการต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในระหว่างเดือน ต.ค.2561-ก.พ. 2562 พร้อมเร่งรัดทุกโครงการ วงเงินรวม 6 แสนล้านบาท และเตรียมเปิดประมูลจัดซื้อจัดจ้างอีก 5 แสนล้านบาท รวมมูลค่าลงทุนประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท

ในส่วนโครงการที่จะนำเสนอครม.ในเดือนต.ค.นี้ ได้แก่ โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 มีโครงการท่าเรือ F มูลค่า 8.4 หมื่นล้านบาทและโครงการท่าเรือ E รวมทั้งหมดมูลค่า 1.14 แสนล้านบาท มีกำหนดลงนามสัญญาใน มี.ค. 2562 และโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน ที่อู่ตะเภา (TG MRO Campus) มูลค่าราว 1.05 หมื่นล้านบาท ซึ่ง THAI ร่วมทุนกับแอร์บัส มีกำหนดลงนามสัญญา กพ.2562 ทั้งสองโครงการได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) แล้ว

ขณะเดียวกันเตรียมนำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน – บางขุนนนท์ มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน – ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เสนอต่อคณะกรรมการ PPP และครม.ภายในปลายปีนี้

ด้านนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงฯ มีโครงการที่เตรียมเสนอเข้า ครม.พิจารณาอนุมัติภายในเดือน ต.ค.2561 – ม.ค. 2562 รวมจำนวน 20 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้นราว 1 ล้านล้านบาท

AOT เลื่อนประมูลดิวตี้ฟรี

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT ) กล่าวว่า AOT จะออกประกาศทีโออาร์ ประมูลสิทธิบริหารจัดการพื้นที่ปลอดภาษีอากร ( ดิวตี้ฟรี ) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ จากเดิมจะเปิดประมูลเดือนต.ค.นี้ แม้จะล่าช้ากว่าแผน แต่เร่งระยะเวลาตกแต่งพื้นที่ได้

สาเหตุที่การประมูลดิวตี้ฟรี ต้องเลื่อนออกไป เนื่องจาก AOT อยู่ระหว่างดำเนินการข้อพิพาททางคดี งานออกและอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งจะนำผลเสนอให้คณะกรรมการ AOT พิจารณาในการประชุมเดือนพ.ย.นี้ เพื่อให้การดำเนินงาของ AOT เป็นไปด้วยความรอบคอบ

ด้านนักวิเคราะห์ต่างให้น้ำหนักเท่ากับตลาดหรือมากกว่าตลาดสำหรับหุ้นรับเหมาก่อสร้าง และขนส่ง โดยเฉพาะ BTS และ BEM เพราะกำไรรวมถึงงานในมือที่รอรับรู้รายได้ หรือ Backlog มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล

ฝ่ายวิเคราะห์บล.เอเซียพลัส แนะนำ “ซื้อ” CK ให้มูลค่าเหมาะสมปีหน้าที่ 32 บาท และ STEC ที่ 29.25 บาท