K เล็งปี’66 พลิกกำไร ปรับธุรกิจ Interior-รุกงานลักชัวรี่

HoonSmart.com>>”คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ.”(K) เล็งผลงานปีหน้า Turnaround  ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ วางเป้ารายได้โตไม่เกิน 10% จากปีนี้ที่คาดรายได้ราว 700-800 ล้านบาท กลยุทธ์ปรับโครงสร้างธุรกิจ Interior ลดจำนวนพนักงานเกิน 50% -ลดธุรกิจงานออกแบบและตกแต่ง มุ่งจัดงาน Event เน้นกลุ่มลักชัวรี่  เตรียมปิดสาขาที่เมียนมา-กัมพูชาหลังทำแล้วไม่สร้างกำไร เปิดทางเจรจาผู้สนใจร่วมลงทุนในบริษัท

นายวงศกร พิเศษสิทธิ์ ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. (K) เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดผลดำเนินงานจะ Turnaround พลิกเป็นกำไรได้ใน 2566 เป็นไปตามการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่กลับมาดีขึ้น โดยรายได้คาดว่าจะเติบโตไม่เกิน 10% จากรายได้ปี 2565 ที่คาดว่าทำได้ประมาณ 700-800 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจกลุ่มงานออกแบบและตกแต่ง (Interior) ลดจำนวนพนักงานไปแล้ว ส่วนธุรกิจการจัดงาน Event (อีเว้นท์), กลุ่มงาน Exhibition (เอ็กซิบิชั่น) คาดว่าจะมีการเติบโตได้ดีในปี 2566 ซึ่งบริษัทจะเน้นงานกลุ่มลักชัวรี่ ขณะนี้ได้มีการพูดคุยกันลูกค้าหลายราย เช่น การจัดป็อปอัพ สโตร์ขายสินค้าแบรนด์เนม และจะมีงานมอเตอร์โชว์, งาน Money Expo ด้วย

“ปกติธุรกิจของบริษัทจะอยู่ในช่วง High Season ในไตรมาส 1 และไตรมาส 4 แต่ปีนี้บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างภายในครั้งใหญ่ในช่วงไตรมาส 3 ในการลดพนักงานในส่วนของธุรกิจ Interior ออกไปกว่าครึ่งหนึ่ง ทำให้ต้องมีการบันทึกค่าใช้จ่ายชดเชยให้แก่พนักงานในช่วงไตรมาส 4  จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าผลงานไตรมาสสุดท้ายจะออกมาเป็นบวกหรือลบ แต่หากมองกำไรปกติจากการดำเนินงานจะเป็นบวกได้แน่นอน”

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่กว่า 2% เนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมาประสบกับปัญหาลูกค้าไม่จ่ายเงิน แต่คาดว่าปีหน้า D/E จะลดลงได้

นายวงศกร กล่าวต่อว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทยังถือหุ้นเกิน 40% โดยครอบครัวพิเศษสิทธิ์ถือหุ้นกว่า 30% ซึ่งการเข้ามาถือหุ้นของนาย สมชาย ชีวสุทธานนท์ (ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3) ซึ่งเป็นบุคคลที่มีทักษะ (Skill) งาน Event โดยจะเริ่มร่วมมือกันทำโครงการในปีหน้า

“ตอนนี้บริษัทกำลังเดินเรื่องปิดสาขาในประเทศเมียนมา และกัมพูชา หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำกำไร ซึ่งบริษัทได้หยุดการให้บริการมา 1 ปีแล้ว ปกติงานนอกประเทศ สามารถทำได้อยู่แล้ว จากความร่วมมือกันกับ KINGSMEN ซึ่งบริษัทแม่อยู่ที่สิงคโปร์ และมีสาขาอยู่ทั่วเอเชียแปซิฟิก แม้ตอนนี้ได้ลดการถือหุ้น K ลงน่าจะเหลืออยู่ประมาณ 7% จากเดิมที่ถือหุ้นราว 20% หลังจาก KINGSMEN ไม่ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นตอนที่ขาย IPO แต่ถ้า KINGSMEN ต้องการจะขายหุ้นออกมา ผมก็จะรับซื้อคืน แต่เราก็ยังมีข้อตกลงกันอยู่ เราใช้แบรนด์เขาอยู่ เขาก็ยังทำธุรกิจในไทยอยู่”

ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ K กล่าวว่า  บริษัทเคยพูดคุยกับคนที่อยากจะเข้ามาร่วมลงทุนในบริษัท แต่ตอนนี้ดีลล้มลงแล้ว แต่บริษัทก็ยังเปิดทางหากใครต้องการที่จะเข้ามาลงทุนในบริษัท แต่การร่วมลงทุนจะต้องเกิดประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครเข้ามาคุยด้วย ซึ่งสิ่งที่บริษัทต้องการให้ผู้ร่วมลงทุนช่วยเหลือในด้านเทคโนโลยีที่ยังขาดอยู่