บล.กสิกรฯ แนะรอรับ 1,600 สัปดาห์หน้า ลุ้นเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,640 และ 1,650 จุด  จับตาการประชุมเฟด 13-14  ธ.ค. ตลาดคาดชะลอแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และติดตามฟันด์โฟลว์หลังจากต่างชาติขายหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 34.50-35.30 บาท 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (12-16 ธ.ค.2565) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,640 และ 1,650 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟดพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (13-14 ธ.ค.) มาตรการของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลว์)

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. รวมถึงดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB และ BOE ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของยูโรโซน ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. ของญี่ปุ่น และยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

ในวันศุกร์ (9 ธ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,623.13 จุด ลดลง 1.13% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 52,970.99 ล้านบาท ลดลง 13.15% ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.18% มาปิดที่ระดับ 581.37 จุด

SET Index ปรับตัวลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีปัจจัยกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลก การเลื่อนการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงแรงขายลดเสี่ยงของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศก่อนวันหยุดยาวและระหว่างรอติดตามผลการประชุมเฟดในสัปดาห์ที่จะถึง

อย่างไรก็ดี หุ้นลดช่วงลบได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนหุ้นกลุ่มที่กดดัน SET Index ในสัปดาห์นี้ หลักๆ ได้แก่ เทคโนโลยี แบงก์ และพลังงาน ทั้งนี้หุ้นพลังงานมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก

สำหรับค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (12-16 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหว ที่ระดับ 34.50-35.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลัง เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอยิ่งหนุนความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มชะลอแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC วันที่ 13-14 ธ.ค. อย่างไรก็ดีกรอบแข็งค่าของเงินบาทชะลอลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนเข้าช่วงหยุดยาวของตลาดในประเทศ

ในวันศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.77 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (2 ธ.ค.)

เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน โดยเงินบาทพลิกจากระดับที่แข็งค่าสุดในรอบเกือบ 6 เดือนที่ 34.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ มาทยอยอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ประกอบกับสกุลเงินเอเชียหลายสกุลเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า (แม้จะมีข่าวที่ทางการจีนเตรียมจะผ่อนคลายมาตรการโควิด) จากความกังวลต่อสัญญาณอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกแข็งค่าหลุดแนว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ อีกครั้งตามแรงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 6-9 ธ.ค.ที่ผ่านมา  แม้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,148 ล้านบาท แต่ก็มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยถึง 14,149 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 17,565 ล้านบาท หักตราสารหนี้ที่หมดอายุ 3,416 ล้านบาท)