HoonSmart.com>>”ซิก้า อินโนเวชั่น” (ZIGA) คาดรายได้ปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เป็นไปตามเศรษฐกิจที่ย่ำแย่-เผชิญดอกเบี้ยขาขึ้น-เงินเฟ้อสูง-ภาคอสังหาฯหดตัว ทำธุรกิจเหล็กย่ำแย่ไปด้วย ราคาบิทคอยน์ดิ่งทำจุดต่ำสุด หวังปี 66 ธุรกิจเหล็กจะ Turnaround เล็งเป้ารายได้โตแค่ 5% สอด คล้องกับมุมมองนักวิเคราะห์ที่ไม่แนะนำลงทุนกลุ่มเหล็ก ปีนี้อุตสาหกรรมไม่ดีเจอผลกระทบจากล็อกดาวน์ในจีน กดดันราคาเหล็กทั้งจีน-ไทยร่วงระนาว
นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) เปิดเผยว่า รายได้ในปี 2565 คาดว่าจะออกมาต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่แย่มาก ซ้ำต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หดตัว อีกทั้งราคาบิทคอยน์ก็ทำจุดต่ำสุดด้วย แม้ว่าประเทศไทยจะมีการเปิดเมือง เปิดประเทศแล้ว แต่ก็ส่งผลดีต่อเฉพาะกลุ่มเปิดเมือง
อย่างไรก็ดี คาดหวังว่าปี 2566 ตลาดเหล็กจะดีกว่าปีนี้ มองเป้าหมายรายได้ในแบบ Conservative เติบโต 5% และราคาบิทคอยน์คาดว่าจะดีขึ้น ตอนนี้เพียง Wait & See ธุรกิจขุดเหมืองบิทคอยน์ไปก่อน ถ้ามีจังหวะจะพิจารณากลับมาขุดเหมืองอีกครั้ง โดยมีเครื่องขุดเหมืองอยู่ราว 400 เครื่อง มีการดูแลรักษาเครื่องอยู่ แม้จะยังไม่ได้นำมาใช้งาน ตอนนี้บริษัทฯลงทุนด้วยการซื้อเหรียญบิทคอยน์เข้ามา และมีกำไรจากการลงทุนอยู่
“ปีหน้าคาดหวังว่าธุรกิจเหล็กจะ Turnaround ได้ จากปัจจุบันราคาเหล็กถูกลง แต่ปริมาณขายไม่ลดลงมาก โดยราคาเหล็กปรับตัวลงตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ลงมาถึงตอนนี้ 40% และเงินบาทก็อ่อนค่า ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลงแรง ดังนั้นในปีนี้ผลงานอาจทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย”นายศุภกิจกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทเผชิญผลขาดทุนในไตรมาสที่ 2/2565 จำนวน 27.82 ล้านบาท และไตรมาส 3 ขาดทุนเพิ่มเป็น 88.96 ล้านบาท ส่งผลให้รวม 9 เดือนปี 2565 ขาดทุนทั้งสิ้น 104.68 ล้านบาท พลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 153.94 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล็กปี 2565 ถือว่าอยู่ในทิศทางไม่ดี รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในจีน จนต้องมีการล็อกดาวน์ และยังมีปัญหาในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนด้วย จากการก่อสร้างลดลง ทำให้ราคาเหล็กโลกปรับตัวลงแรง โดยราคาเหล็กในจีนตกต่ำมาอยู่ในระดับที่ 3,800 หยวนต่อตัน ลดลงจากช่วงต้นปี 2564 ที่ราคาเหล็กขึ้นไปถึง 6,700 หยวนต่อตัน
สำหรับในไทย ขณะนี้ราคาเหล็กเส้นอยู่แถว 22-23 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจากต้นปี 2564 ที่อยู่แถว 28-29 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาแผ่นเหล็กรีดร้อนอยู่แถว 25-26 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจากต้นปี 2564 ที่อยู่แถว 30 กว่าบาทต่อกิโลกรัม จะเห็นได้ว่าราคาเหล็กที่ปรับตัวลงมาทำให้ผลงานของบริษัทในกลุ่มขาดทุน ส่วนไตรมาส 4 ราคาเหล็กนิ่ง ๆ ผลงานอาจยังไม่เป็นที่น่าพอใจ จึงยังไม่น่าสนใจลงทุนกลุ่มเหล็กในตอนนี้ จนกว่าราคาเหล็กจะกลับมาเป็นปกติ
“ปกติ cycle ของอุตสาหกรรมเหล็กจะปรับขึ้น 6 เดือน แล้วก็จะซึม 3 ปี จึงคาดว่าตลาดเหล็กยังไม่น่าสนใจ”นายสุรชัยกล่าว