SCN ปรับสัดส่วนซื้อหุ้น GEP Thailand คงอันดับเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ มั่นใจ IRR เกิน 10% ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หนึ่งในโครงการใหญ่ที่สุดในอาเซียนที่เมืองบินบู สร้างความมั่นคงของรายได้ จากการจำหน่ายไฟฟ้าตลอด 30 ปี
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ (SCN) ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับสัดส่วนการเข้าถือหุ้นในบริษัท GEP Thailand จำกัด จากเดิมที่ถืออยู่แล้ว 30% จะเพิ่มเป็น 40% ของทุนจดทะเบียนบริษัท GEP Thailand จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทดังกล่าวเป็นโฮลดิ้งคอมปานี ที่ถือหุ้น 100% ในบริษัท GEP Myanmar จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลเมียนมาร์ให้เป็นผู้ดำเนินการพัฒนาและก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์และทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ บริษัท Electric Power Generation Enterprise จำกัด (EPGE) ระยะเวลาทั้งสิ้น 30 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มดำเนินการจ่ายไฟฟ้า
ทั้งนี้ การปรับสัดส่วนการเข้าถือหุ้นใน GEP Thailand จะไม่กระทบต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี อีกทั้งจะช่วยสร้างความมั่นคงของรายได้ประจำในระยะยาว (Recurring Income) ที่มาจากการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าสู่ระบบ (COD) ของโรงไฟฟ้าตลอดอายุ 30 ปีอีกด้วย
สำหรับรายละเอียดการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก 10% ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 10,738,183 หุ้น ในราคา 4.50 บาท เพื่อจัดสรรให้แก่ Noble Planet เพื่อชำระเป็นค่าหุ้น GEP Thailand จำนวน 6.5% ของทุนจดทะเบียน ส่วนหุ้นสามัญที่เหลือของ GEP Thailand อีก 3.5% ของทุนจดทะเบียนนั้น จะชำระเป็นเงินสดให้แก่ Planet Energy Holding ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์และเป็นผู้ถือหุ้นดั้งเดิมในบริษัท GEP Thailand เพื่อให้ SCN ถือหุ้นใน GEP Thailand ตามที่กำหนด
ทั้งนี้ การที่ Noble Planet เข้ามาซื้อหุ้นใน SCN เนื่องจากมีความมั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SCN ที่แข็งแกร่ง และเชื่อมั่นต่อการผลักดันการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เมืองมินบูให้ประสบความสำเร็จได้ตามแผนที่วางไว้ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในระยะยาวอีกด้วย
“การปรับสัดส่วนถือหุ้นเพิ่มเติมใน GEP Thailand เป็นเพราะผู้ขายต้องการปรับลดการขายหุ้นให้ SCN แต่จะไม่กระทบต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) จากโครงการนี้ที่ SCN ได้รับไม่ต่ำกว่า 10% เช่นเดิม และจะเป็นโครงการที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการสร้างความมั่งคงด้านรายได้ประจำและสม่ำเสมอให้แก่ SCN จากการจำหน่ายไฟฟ้าตลอดอายุสัญญา 30 ปี รวมถึงโอกาสในการขยายธุรกิจโครงการพลังงานอื่นๆ ในเมียนมาร์เพิ่มเติม จากการเป็นเจ้าของกิจการ GEP Thailand ซึ่งมีนโยบายมุ่งเน้นการทำโครงการพลังงานขนาดใหญ่เพื่อผลักดันการเติบโตที่ดีในอนาคต” ดร.ฤทธี กล่าว