HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี” ตั้งเป้าก้าวสู่บริษัทนวัตกรรมวัสดุและพลังงานยั่งยืน ตั้งงบลงทุน 5 ปี (66-70 ) กว่า 3.6 หมื่นล้านบาท เพิ่ม EBITDA เป็น 2.5 หมื่นล้านบาทในปี’68 และ 3.5 หมื่นล้านบาทปี’73 ต่อยอดธุรกิจปัจจุบัน และเพิ่มธุรกิจใหม่ ช่วยลดความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ วางเป้าองค์กร Net Zero ภายในปี 2060 แนวโน้มการดำเนินงานปี 66 คาดรายได้เติบโต 12% EBITDA ดีกว่าปีนี้ ธุรกิจปิโตรเคมีผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า ไออาร์พีซีมุ่งสร้างองค์กร เพื่อก้าวไปสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมวัสดุและพลังงานอย่างยั่งยืน โดยตั้งงบลงทุน 5 ปี (2566-2570) กว่า 36,000 ล้านบาท สนับสนุนให้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เติบโตเป็น 25,000 ล้านบาทในปี 2568 และเพิ่มเป็น 35,000 ล้านบาท ในปี 2573 เน้นการต่อยอดจากความแข็งแกร่งของฐานธุรกิจปัจจุบัน (Existing Stream) และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ (New Stream) ที่มีสัดส่วน 22% ปีหน้าเพิ่มเป็น 24% และ 40%ในปี 2573 ช่วยลดความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ สร้างเสถียรภาพของกำไรและรายได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงาน ในรอบ 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯมี EBITDA จำนวน 11,823 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนมี EBITDA จำนวน 23,868 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,785 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12,310 ล้านบาท โดยในปี 2564 มีกำไรสุทธินิวไฮที่ 14,504.62 ล้านบาท
“IRPC มุ่งเน้นความเข้มแข็งและความชำนาญในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจปัจจุบัน เพื่อการพัฒนาขยายธุรกิจ และแสวงหาธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการบริหารทรัพย์สิน เช่น ที่ดินที่มีมากถึง 12,000 ไร่ ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วย โดยผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตได้ตามวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ จะเน้นให้ความร่วมมือกับคู่ค้า ลูกค้า และพันธมิตรธุรกิจ ที่พร้อมสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ชาติ ตามโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green Economy (BCG) ของประเทศ”
สำหรับธุรกิจใหม่เน้นการเติบโตและมีมาร์จิ้นสูง คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท ได้แก่ Health and Life Science, Advanced Material, Circular Business, Future Energy และ Energy Storage โดยใช้ความรู้ด้านนวัตกรรมและแสวงหาความร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจ (JV) และการซื้อกิจการ (M&A) ตามกลยุทธ์ 3C ซึ่งประกอบด้วย Climate Change, Circular Economy และ Creating Shared Value สร้างความยั่งยืนให้องค์กร
ส่วนการต่อยอดความแข็งแกร่งจากฐานธุรกิจปัจจุบัน มีแผนเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ จาก 24% ในปี 2565 เป็น 52% ในปี 2568 เน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ Smart Material ที่สอดคล้องกับทิศทางของโลก อาทิ ด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ของผู้คนปัจจุบัน นอกจากนี้ยังได้ตัดสินใจลงทุน ใช้นวัตกรรมผลิตท่อเกรดพิเศษ ที่มีผิวสัมผัสแข็งแรงมาก เหมาะสำหรับการนำสายไฟลงดิน ไม่ต้องขุดเปิดฟุตบาทเหมือนที่ผ่านมา สามารถใช้หัวจรวดเจาะในพื้นดินวางท่อได้รวดเร็ว ซึ่งสามารถส่งออกไปขายหลายประเทศ
นายกฤษณ์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทลงทุนโครงการเม็ดพลาสติกพีพี สปันบอนด์ จำนวน 200,000 ตันต่อปี เพื่อรับกระแสการดูแลสุขภาพ และขยายการลงทุนโครงการพีพี เมลต์โบลน 40,000 ตันต่อปี รวมถึงพีพีอาร์ (PPR: PP random copolymer pipe) 80,000 ตันต่อปี ใช้ผลิตท่อน้ำร้อนน้ำเย็นชนิดทนทานพิเศษไร้สารทาเลตได้เป็นรายแรกของภูมิภาค และเอชดีพีอี 100- อาร์ซี (HDPE 100-RC) 40,000 ตันต่อปี ใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานนานถึง 100 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567
IRPC พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษภายใต้แบรนด์ “POLIMAXX” ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต โดยเพิ่มตราสัญลักษณ์แสดงคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Pro-Efficient เป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน Life-Pro เป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมความปลอดภัยต่อชีวิตและสุขภาพ เช่น Medical Supplies, Hygiene Product ส่วน Dura-Pro เป็นผลิตภัณฑ์ที่เสริมความแข็งแรง ทนทาน เช่น Automotive Parts, Pipes & Construction และ Electrical & Home Appliance และ Eco-Pro เป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น Kitchenware & Utensil, Packaging และ Furniture ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้า คู่ค้า และผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น จากการสร้างสรรค์นวัตกรรมไปพร้อมๆ กับโซลูชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ลงตัว
นอกจากนี้ IRPC ยังสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการแพทย์ หนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-curve) ตามนโยบาย Thailand 4.0 รวมทั้งรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ สอดคล้องกับกลยุทธ์การต่อยอดนวัตกรรมสร้างคุณค่าให้สังคมควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 20% ภายในปี 2030 จากปีฐาน 2018 และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2060 โดยล่าสุดได้ร่วมกับกลุ่ม ปตท. ในการศึกษาพัฒนาและลงทุนผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก
IRPC ดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว” ด้วยนวัตกรรม องค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญของบุคลากร ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี มีธรรมาภิบาล รวมทั้งคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ให้เติบโตไปพร้อมกัน “IRPC สร้างสิ่งที่ดีเพื่ออนาคต” นอกจากนี้ IRPC ยังได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ”หุ้นยั่งยืน 8 ปีซ้อนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายกฤษณ์ กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินงานในปี 2566 คาดว่ารายได้เติบโต 12% และ EBITDA เติบโตดีกว่าปีนี้ จากประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น หลังจากปิดซ่อมบำรุงเป็นส่วนใหญ่แล้ว รวมถึงการควบคุมต้นทุนต่อเนื่อง และน่าจะไม่มีผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง (Hedging Loss) เหมือนในปีนี้แล้ว ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2-3 แล้ว แม้จะมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกถดถอย และการจัดแผนโดยไม่มีกำลังซื้อจากจีน เชื่อว่าไออาร์พีซีอยู่ได้
ส่วนปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีกำไรจากการสต็อก (Stock gain) บนราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 94-96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อนที่มีราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 78.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลง 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะมีผลต่อกำไรประมาณ 350 ล้านบาท โดยมีสต็อก 10 ล้านบาร์เรล