“กรุงไทย” จับตาโควิดจีน ซ้ำเติมส่งออก หลังเดือนต.ต.หดครั้งแรกรอบ 20 เดือน

HoonSmart.com>> “Krungthai COMPASS” ชี้ ส่งออกเดือน ต.ค. ติดลบ 4.4%YoY หดตัวครั้งแรกในรอบ 20 เดือน ต่ำกว่าตลาดคาดขยายตัว 6% อุปสงค์ของประเทศคู่ค่าที่ชะลอตัวโดยเฉพาะตลาดหลัก จับตาโควิดระลอกใหม่ในจีน มาตรการล็อกดาวน์หลายพื้นที่สำคัญ อาจซ้ำเติมส่งออกสินค้า กระทบการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศซ้ำเติมเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงชะลอตัว

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ส่งออกเดือน ต.ค. กลับมาติดลบครั้งแรกในรอบ 20 เดือน มูลค่าส่งออกเดือน ต.ค. อยู่ที่ 21,772 ล้านดอลลาร์ฯ กลับมาหดตัว 4.4%YoY จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 7.8%YoY โดยเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 20 เดือน จากการส่งออกสินค้าทุกหมวดหลักที่กลับมาหดตัว ทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร ตามการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศคู่ค้าที่สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แผ่วลงในตลาดสำคัญ ทั้ง สหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น

การส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกขยายตัว 9.1% ส่วนการส่งออกทองคำเดือนนี้ขยายตัว 56.9% ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ทำให้เมื่อหักทองคำแล้ว มูลค่าส่งออกเดือนนี้กลับมาหดตัว 5.3%YoY

การส่งออกกลับมาหดตัวสอดคล้องกับการส่งออกของภูมิภาคที่แผ่วลงจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การส่งออกของประเทศในภูมิภาคเริ่มมีทิศทางชะลอตัวจากอุปสงค์โลกที่อ่อนแอลง โดยการส่งออกของประเทศในกลุ่มอาเซียน อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ มีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่แผ่วลงรวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ชะลอตัว อาทิ ราคาปาล์มน้ำมัน และราคาเหล็ก

ขณะเดียวกันการส่งออกในเกาหลีใต้และไต้หวันกลับมาหดตัวจากการส่งออกสินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ลดลงโดยเฉพาะการส่งออกไปยังจีนจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ Krungthai COMPASS ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทยทั้งจากด้านอุปสงค์ที่ชะลอลง รวมถึงราคาที่ปรับตัวลงโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งอยู่ในทิศทางเดียวกับการส่งออกของภูมิภาค

นอกจากนี้ ต้องจับตาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในจีนอาจซ้ำเติมผู้ส่งออกสินค้าไปจีน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนกลับมารุนแรงอีกครั้งในเดือน พ.ย. โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงเกิน 3 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการแพร่ระบาดจากครั้งก่อนที่ระบาดรุนแรงเมื่อเดือน เม.ย. โดยทางการจีนได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดรวม เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เป็นต้น

คาดว่าหากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและทางการจีนใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่ยาวนาน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคของจีนและกระทบการส่งออกสินค้าไปยังจีนมากกว่าคาด ซึ่งจะซ้ำเติมการส่งออกไปจีนที่หดตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจของจีนที่กำลังเผชิญแรงกดดันหลายด้าน เช่น ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงกระแสต่อต้านมาตรการ Zero Covid ที่เพิ่มความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจจีนมากขึ้น