บล.กสิกรฯแนะรอรับต่ำกว่า 1600 จับตามติกนง.-ฟันด์โฟลว์ สัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทย มองแนวต้านอยู่ที่ 1,640 และ 1,660 จุด จากสัปดาห์ที่ผ่านมา SET เพิ่มขึ้น 0.21% มูลค่าซื้อขายบางลง 15% ดัชนี mai ร่วงลง -3.04% ด้านค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 35.25-36.25 บาทต่อดอลลาร์ฯสัปดาห์หน้า

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (28 พ.ย. -2 ธ.ค.) ว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,580 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,640 และ 1,660 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (30 พ.ย.) รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 ดัชนี PCE/Core PCE Price Index รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค. ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน และดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิต เดือนพ.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. (เบื้องต้น) และดัชนีราคาผู้ผลิตดือนต.ค.ของยูโรโซน ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนพ.ย.ของจีนและญี่ปุ่น รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น

ในวันศุกร์ (25 พ.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,620.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.21% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 51,425.24 ล้านบาท ลดลง 15.33%  ส่วนดัชนี mai ลดลง 3.04% มาปิดที่ระดับ 582.43 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดใกล้เคียงกับระดับปิดสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ แม้จะมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขจีดีพีไทยไตรมาส 3/65 ที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด เนื่องจากเผชิญแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานตามทิศทางราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลงและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังมีข่าวยกเลิกการทำ Tender offer ของบริษัทสื่อสาร

อย่างไรก็ดี หุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ ตามแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังโอเปกปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิต ก่อนจะย่อตัวลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่พุ่งขึ้นกระตุ้นความกังวลต่อสถานการณ์โควิด

สำหรับค่าเงินบาท สัปดาห์ถัดไป (28 พ.ย.-2 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 35.25-36.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบที่ผันผวน ระหว่างวันที่ 21-25 พ.ย. โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ (แม้ว่าจีดีพีไตรมาส 3/65 ของไทยจะออกมาดีกว่าที่คาด) ตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกและการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย นำโดยเงินหยวน ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและมาตรการสกัดการระบาดของโควิดในจีน นอกจากนี้ แรงขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติก็เป็นปัจจัยลบของค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่าผ่านแนว 36.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ได้อีกครั้ง เนื่องจากบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 1-2 พ.ย. ตอกย้ำโอกาสที่เฟดจะชะลอขนาดการขึ้นดอกเบี้ยนในเดือนธ.ค. นี้

กรอบการแข็งค่าของเงินบาทจำกัดลงอีกครั้ง โดยเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ตามค่าเงินหยวน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดรอติดตามสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินจากที่ประชุมกนง. รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟดในช่วงปลายเดือนพ.ย.

ในวันศุกร์ที่ 25 พ.ย. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 35.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (18 พ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 21-25 พ.ย. 2565 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 5,388 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตร 11,666 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิพันธบัตร 8,775 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 2,891 ล้านบาท