SONIC เคาะราคา IPO 1.95 บาท ขาย 8-10 ต.ค.นี้

“โซนิค อินเตอร์เฟรท” เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 1.95 บาท เปิดจองซื้อ 8-10 ต.ค.นี้ ก่อนเข้าตลาดเอ็มเอไอ 19 ต.ค.นี้ ผู้บริหาร SONIC ชูศักยภาพความแข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรในระดับภูมิภาค ทั้งทางทะเล ทางอากาศและทางบก ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รับอุตสาหกรรม โลจิสติกส์สดใส ช่วยผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน

วันที่ 3 ต.ค.2561 บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC) หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรในระดับภูมิภาค จัดพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซต คอม (ประเทศไทย) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นสามัญของ SONIC ในครั้งนี้

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรทและที่ปรึกษาทางการเงิน ได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 1.95 บาท โดยราคาดังกล่าวได้สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SONIC ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่เห็นถึงโอกาสการเติบโตที่ดีในอนาคตของบริษัทฯ ตามการขยายตัวของภาพรวมธุรกิจส่งออกและนำเข้าของไทย รวมถึงความได้เปรียบในเชิงที่ตั้งของประเทศที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิตสินค้าและใช้ประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกสินค้าในภูมิภาคนี้ โดยกำหนดการเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 ตุลาคม2561 และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 19 ตุลาคมนี้

ปัจจุบัน บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท หรือ SONIC มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 290 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 580 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและชำระแล้ว 200 ล้านบาท คิดเป็น 400 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น ที่จัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไป และอีก 30 ล้านหุ้น เป็นการออกเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่จะเสนอขายให้แก่ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย (ESOP Warrant) จำนวน 30 ล้านหน่วย ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาใช้สิทธิไม่เกิน 5 ปี โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้บริหารและพนักงานของ SONIC และบริษัทย่อย พร้อมกับช่วงที่เสนอขายหุ้น IPO กำหนดอัตราการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ราคาการใช้สิทธิแปลงสภาพเท่ากับราคา IPO หรือ 1.95 บาท กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรกเมื่อครบกำหนด 2 ปี

กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า SONIC จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยลงทุนเพิ่มจำนวนรถขนส่ง การพัฒนาศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าให้มีความทันสมัย การซื้ออาคารพาณิชย์เพื่อดำเนินงานสาขาแหลมฉบังและขยายพื้นที่ให้บริการขนส่งทางบก การพัฒนาระบบสารสนเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“หลังจาก SONIC ได้โรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยในต่างจังหวัด และในกรุงเทพฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นศักยภาพการดำเนินงานและเห็นโอกาสการเติบโตจากจุดแข็งทางธุรกิจของ SONIC ที่มีการนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจรแบบ One Stop Service รวมถึงแผนงานอนาคตที่จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเชิงธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น จึงมั่นใจว่าหุ้น IPO ของSONIC จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน”นายเอกจักร กล่าว

นายสันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SONIC กล่าวว่า บริษัทฯ มีจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์มานานกว่า 22 ปี โดยครอบคลุมการให้บริการตั้งแต่การเป็นตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลและทางอากาศ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรครอบคลุม 195 ประเทศทั่วโลก รวมถึงให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศ ปัจจุบันมีศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตั้งอยู่บนถนนกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ และการบริหารจัดการสินค้าที่อยู่ระหว่างรอการขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและดำเนินการขนส่งได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่จุดรับสินค้าไปจนถึงจุดหมายปลายทาง (Door-to-Door)

ขณะเดียวกันยังให้บริการขนส่งสินค้าทางบกข้ามชายแดน (Cross-border transport) ไปยังประเทศกัมพูชา จึงทำให้ SONIC มีขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีมากจากการให้บริการแบบ One-Stop-Service ที่ผสมผสานการให้บริการขนส่งหลายรูปแบบและต่อเนื่อง ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

“เราต้องการผลักดันบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจด้านโลจิสติกส์และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานที่จะเติบโตในอนาคต”นายสันติสุข กล่าว