หุ้นเช้านี้ลบ 3.04 จุด กลุ่มพลังงานถ่วงหลังราคาน้ำมันร่วง

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้ลบ 3.04 จุด แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,610-1,630 จุด จับตา GDP ไตรมาส 3/65 หากออกมาดีกว่าคาด เป็นปัจจัยบวก แต่กลุ่มพลังงานอาจถ่วงตลาดบ้างจากราคาน้ำมันร่วงแรง ด้านบอนด์ยีลด์-เงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ดีประเมินตลาดยังอยู่ในช่วงแกว่งพักตัวสร้างฐานระยะสั้น

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 21 พ.ย.2565 ณ เวลา 9.57 น. อยู่ที่ระดับ 1,614.34 จุด ลดลง 3.04 จุด หรือ -0.19% มูลค่าซื้อขาย 1,778.24 ล้านบาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,610-1,630 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามเช้านี้คือตัวเลข GDP ไตรมาส 3/65 ของไทย ซึ่งหากออกมาตามคาดหรือสูงกว่าคาด โดยประเมินว่าจะเป็นปัจจัยบวกและสร้างความเชื่อมั่นต่อทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/65 – ปี 2566 ที่จะเร่งตัวขึ้น กลุ่มพลังงานอาจถ่วงตลาดบ้างตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงจากความกังวล Demand น้ำมันที่ชะลอตัวจากจีนเป็นหลัก แต่มองบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นทางอ้อม และแนวโน้มเงินเฟ้อที่จะผ่อนคลายลง ด้าน Dollar Index และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( Bond Yield) สหรัฐฯขยับขึ้นเล็กน้อย โดยตลาดรอดูรายงานการประชุม FOMC ในคืนวันพุธเพื่อประเมินทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในระยะถัดไป

ขณะที่ส่วนต่าง Bond Yield 10 ปีและ 2 ปีของสหรัฐฯยังขยับติดลบเพิ่มขึ้นเป็นกว่า -70 bps ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่สูงขึ้น ประเมินตลาดยังอยู่ในช่วงแกว่งพักตัวสร้างฐานระยะสั้น และยังคงมองบวกในระยะกลาง-ยาวตามทิศทางเศรษฐกิจที่เร่งตัว จังหวะพักตัวของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยสะสม โดยระยะกลาง-ยาวมองที่บริเวณ 1,580+- จุด

กลยุทธ์เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน

Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเบาบาง 58 ล้านเหรียญสหรัฐ เม็ดเงินไหลเข้าเกาหลีใต้ 88 ล้าน เหรียญสหรัฐ แต่ไหลออกจากไต้หวัน 103 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนฝั่งอาเซียนโดยรวมไหลเข้าเป็นส่วนใหญ่นำโดยอินโดนีเซียและไทย แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังคงเบาบางต่อเนื่องโดยภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ ตลาดรอดูรายงานการประชุมเฟดสัปดาห์นี้เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
PTTEP อยู่ที่ 185.00 บาทลดลง 2.00 บาท หรือ -1.07% มูลค่าซื้อขาย 129.26 ล้านบาท
KTB อยู่ที่ 17.40 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 96.72 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 143.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 66.80 ล้านบาท
BANPU อยู่ที่ 12.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ +1.61% มูลค่าซื้อขาย 66.63 ล้านบาท
HANA อยู่ที่ 49.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -1.98% มูลค่าซื้อขาย 66.01 ล้านบาท