น้ำมันร่วงกว่า 2% กังวลซาอุ-รัสเซียเพิ่มกำลังผลิต

นักลงทุนฉวยขายทำกำไรฉุดราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 2% ขณะที่ราคาทำนิวไฮรอบ 4 ปีท่ามกลางความวิตกซาอุดิอาระเบียและรัสเซียเพิ่มกำลังการผลิต

บริษัท ไทยออยล์ รายงานราคาน้ำมันปิดปรับตัวลดลงกว่า 2% โดยนักลงทุนเทขายสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าเพื่อทำกำไรหลังราคาน้ำมันดิบแตะระดับสูงสุดในรอบ 4ปี ประกอบกับความกังวลต่ออุปทานที่ปรับเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย

ทั้งนี้ นาย Khalid al-Falih เปิดเผยว่า ผู้ผลิตน้ำมันดิบกลุ่มโอเปกสามารถปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบได้แล้วกว่า 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยซาอุดิอาระเบียตกลงร่วมกับรัสเซียในเดือน ก.ย. 2561 ในข้อตกลงการปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อลดความร้อนแรงของราคาน้ำมันดิบลง หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตำหนิผู้ผลิตน้ำมันดิบกลุ่มโอเปกว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบมีราคาสูง

นอกจากนี้ตลาดน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเข้าสู่ภาวะซื้อขายมากเกินไป (Overbought) ในทางเทคนิค และทำให้นักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรเกิดการเทขายทำกำไร นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากการเทขายในตลาดทุนของสหรัฐฯ โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500และดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ปรับลดลงเกือบ 1% และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ณ วันที่ 2 ต.ค. 2561ที่จุดส่งมอบคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ปรับเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 2.08 ดอลลาร์ หรือ 2.72% ปิดที่ 74.33 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 1.98% ปิดที่ 84.58 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 73-78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 83-88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง คือปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นอยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุง โดยในสัปดาห์ล่าสุด สำนักงานพลังงานสากลสหรัฐฯ (EIA)รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 29ก.ย. 61ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 7.96ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 404.0ล้านบาร์เรล

ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันโลกมีเพิ่มมากขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 80เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบ