HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 1.54 จุด ตัวแปรลบทั้งใน-นอกประเทศถ่วงตลาด จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อ-ผู้ติดเชื้อโควิดในจีนเพิ่มสูงขึ้น-กลุ่มโอเปกส่งสัญญาณลดกำลังการผลิตน้ำมัน-ประเด็นหุ้น MORE รบกวนตลาด ด้านกลยุทธ์เล็งเงินทุนต่างชาติยังไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย โดยดัชนีฯ มีโอกาสลงไปแตะ 1600 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 18 พ.ย.2565 ณ เวลา 10.00 น. อยู่ที่ระดับ 1,616.49 จุด เพิ่มขึ้น 1.54 จุด หรือ +0.10% มูลค่าซื้อขาย 2,017.01 ล้านบาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองดัชนีฯ มีโอกาสลงต่อ ตัวแปรลบทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เข้ามาเป็นตัวถ่วงตลาด โดยวานนี้(17 พ.ย.) James Bullard เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาแสดงความเห็นในการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยต่อ ซึ่งอาจจะรบกวนตลาดอยู่บ้างเป็นระยะ (ตลาดยังคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ย เดือน ธ.ค ที่ 0.50%)
จีนยังกดดันตลาดจากการมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ ที่ออกมา สวนทางกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ตลาดเกิดความกังวล และอาจจะส่งผลไปถึง Demand ต่าง ๆ ที่ลดลงได้ (หลัก ๆ คือ น้ำมัน)
ด้านน้ำมันดิบยังเป็นตัวแปรเสี่ยงของตลาด เริ่มมีการพูดถึงเรื่องของ Demand ที่ลดลง กอปกรกับกลุ่มโอเปกออกมาส่งสัญญาณการลดกำลังการผลิต จึงมองว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน-ปิโตรเคมี (ซึ่ง 2 กลุ่มนี้มีผลต่อกำไรตลาด 40% อาจจะเป็นตัวลากตลาดให้ลง) ล่าสุด Brent 89.7 เหรียญสหรัฐ
อีกทั้งประเด็นของ MORE อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามารบวนตลาดหุ้นไทย รวมถึงการปรับประมาณการหุ้นลงของนักวิเคราะห์ จึงทำให้มีแรงเทขายหุ้น
ด้านกลยุทธ์มอง ตลาดถูกกดดันด้วยตัวแปรลบทั้งเรื่องการแพร่ระบาดของจีนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่อ Demand และการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ คาด Flow ยังไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียต่อ จึงยังแนะนำชะลอการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่ไม่มีปัจจัยบวกสนับสนุน หรือราคาขึ้นมามาก(เสี่ยงถูกขายทำกำไร)
โดยดัชนีฯ มีโอกาสลงไปแตะ 1600 จุด จากเมื่อสัปดาห์ก่อนลงมาแค่ 1610 จุด (Momentum) การลงทุนตอนนี้จึงควรถือเงินสดเพื่อลดความเสี่ยงลงอีกครั้ง (เราถือเงินสด 60% และหุ้น 40%)
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
AOT อยู่ที่ 74.25 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ -0.34% มูลค่าซื้อขาย 174.25 ล้านบาท
BDMS อยู่ที่ 28.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ -0.86% มูลค่าซื้อขาย 126.90 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 185.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -0.80% มูลค่าซื้อขาย 120.64 ล้านบาท
HANA อยู่ที่ 46.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +3.35% มูลค่าซื้อขาย 113.24 ล้านบาท
CPALL อยู่ที่ 62.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ -0.40% มูลค่าซื้อขาย 102.30 ล้านบาท