HoonSmart.com>>หุ้น POLY ปิดเทรดวันแรกที่ 7.30 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 7.35% บล.หยวนต้า ให้ราคาเหมาะสมปี 66 ที่ 8.50 บาท คาดกําไรปกติปี 65-66 ที่ 166 ล้านบาท (+37.5%YoY) และ 238 ล้านบาท (+43.3%YoY) ตามลำดับ
หุ้น POLY ปิดเทรดวันแรกที่ 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +7.35% จากราคาขาย IPO ที่ 6.80 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 2,015.23 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 6.70 บาท ขึ้นสูงสุด 7.30 บาท และต่ำสุด 6.50 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้นบริษัท โพลีเน็ต (POLY) ประเมินมูลค่าด้วยวิธี PER โดยราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 8.50 บาทต่อหุ้น คาดกําไรปกติปี 2565 และปี 2566 ที่ 166 ล้านบาท (+37.5%YoY) และ 238 ล้านบาท (+43.3%YoY) ตามลำดับ อิง สมมติฐานสำคัญ ดังนี้ 1. รายได้หลักปี 2565 และปี 2566 ประเมินที่ 1,225 ล้านบาท (+55.8%YoY)และ 1,583 ล้านบาท (+ 29.2% YoY) ตามลำดับ ขณะที่กําไรปกติคาดเติบโตเฉลี่ย 20% CAGR 3 ปี (2565–2568)
2. อัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 คาดที่ 25.2% และปี 2566 ที่ 26.8% เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนรายได้กลุ่มเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์(Medical)และกลุ่มสิค้าอุปโภคบริโภค(Consumer)ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยทั้ง 2 กลุ่มนีี้มี GPM ที่สูงกวํา GPM ของกลุ่มยานยนต์ (Automotive) ขณะที่ปรับตัวลดลงจาก 28.3% ในปี 2564 จากต้นทุนราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และยอดขายในปี 2564 มีลูกค้าใหม่และสินค้ามี GPM สูง
3. SG&A ในปี 2565 และปี 2566 คาดที่ 107 ล้านบาท (+54.2%YoY)และ 139 ล้านบาท (+30.1%YoY) ตามลำดับ
4. คํานวณอิง P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี และคิดน้ำหนักตามสัดส่วนรายได้ของปี 2566 ประกอบด้วย 1) กลุ่มยานยนต์ ใช้ IRC และ CPR ผู้ลิตและจำหน่ายยางสำหรับอุตสาหกรรมเป็นตัวเทียบ 2) กลุ่มเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้แก่ WINMED, TM, BIZ และ SMD และ 3) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ให้ TPAC ผู้ลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์พลาสติกคงรูปสำหรับสินค้าอุปโภค/บริโภคในชีวิตประจำวันเป็นตัวแทน ซึ่งจะได้ P/E เฉลี่ย 5 ปี ที่ 16.0x
POLY ถือเป็นหนึ่งในผู้นำของผู้รับจ้างผลิต (OEM) แม่พิมพ์ขึ้นรูป และชิ้นงานขึ้นรูปประเภทยาง พลาสติก และซิลิโคน ทีมีประสบการณ์กว่า 20 ปี บริษัทมีจุดแข็งด้านการผลิตด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม อีกทั้งได้รับการรับรองเทียบเท่ามาตรฐานสากล โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯจะอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นส่วนใหญ่ รองลงมาคือ สินค้าอุปโภคบริโภค และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยการระดมทุนครั้งนี้ นอกจากเพื่อลดภาระดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินแล้ว ยังใช้ในการขยายการลงทุน อาทิ การปรับปรุงบริเวณสายการผลิต และเพิ่มเครื่องเครื่องจักรเข้ามาเสริมกำลังการผลิตสำหรับคำสั่งซื้อล็อตใหญ่จากบริษัทต่างชาติที่เพิ่งได้เข้ามาในปี 2565 และส่วนที่เหลือจะนำมาใช้เพิ่มสภาพคล่องในธุรกิจ