ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าดีขึ้น ‘ท่องเที่ยว-แบงก์’ เด่น เมินปิโตรฯ

HoonSmart.com>>สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า  สถาบันไทยปรับขึ้นร้อนแรง  ท่องเที่ยวฟื้นหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ นักลงทุนไทย-ต่างชาติชอบหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว “กอบศักดิ์”มองกลุ่มแบงก์เด่น กำไรดีขึ้นตามดอกเบี้ย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index-ICI) ในเดือนต.ค. 2565 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 108.86 เพิ่มขึ้น 60.5% จากเดือนก่อนหน้าขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” โดยกลุ่มสถาบันไทยปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ “ร้อนแรง” เพิ่มขึ้น 14.7% อยู่ที่ระดับ 130.00

นักลงทุนมองว่าการฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือความคาดหวังต่อการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความไม่แน่นอนต่อนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED รองลงมาคือ สถานการณ์เงินเฟ้อ และสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19

นักลงทุนไทยชอบกลุ่มท่องเที่ยว ไม่ชอบกลุ่มแฟชั่นมากที่สุด ส่วนบล.ชอบแบงก์ ไม่ชอบสื่อ-อสังหาริมทรัพย์  ส่วนสถาบันที่เป็นกองทุนชอบแบงก์ ไม่ชอบปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ นักลงทุนต่างชาติ ชอบกลุ่มท่องเที่ยว ไม่ชอบ ปิโตรฯ

นายกอบศักดิ์กล่าวว่า กลุ่มแบงก์โดดเด่น เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ย ทั้งที่แบงก์ประกาศและไม่ประกาศขึ้น  ส่วนดอกเบี้ยบ้านคงที่ 3 ปี แทบจะหาไม่ได้ แบงก์คุยกับลูกค้าขอปรับขึ้นมาร์จิ้น ลูกค้ายินดี  ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าเดือนธ.ค.ปรับขึ้นอีก  0.25% เป็น 1.25% และเดือนก.พ.2566 ขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เงินเฟ้อลดลงจาก 8% ลงมาเหลือ 6 % เงินเฟ้อพื้นฐาน 3.17%  ลดแรงกดดันให้ธปท.

“ธปท.น่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 2-3 ครั้ง ทำให้ NIM ดีขึ้น แบงก์น่าสนใจ ส่วนเฟดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยถึงกลางปีหน้า หลังจากนั้นจะทรงตัว เพื่อรอเงินเฟ้อลง แต่ เศรษฐกิจถดถอย จะส่งผลกระทบต่อกำไรบจ. จึงมีการปรับลดประมาณการกำไรและราคาหุ้น ช่วงที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยสูงสุด มีโอกาสที่ตลาดหุ้นกำลังพัฒนาได้รับผลกระทบ  รวมถึงตลาดหุ้นไทย แต่เงินทุนจะไหลออกมามากเพียงใด ขึ้นอยู่ความแข็งแกร่งของไทย ซึ่งการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเริ่มกลับมาเป็นบวก หลังจากติดลบมานานกว่า 1 ปี  และการท่องเที่ยวดีขึ้น ทำให้เงินบาทมีเสถียรภาพดีขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนจะต้องระวังเงินต้น แต่สามารถเลือกซื้อหุ้นที่ใช่ ในราคาเหมาะสมเพื่อถือลงทุน รอโอกาสการฟื้นตัว”นายกอบศักดิ์กล่าว