STPI ลุยซื้อคลังสินค้ามูลค่ากว่า 530 ล้านบาท ปลุกหุ้นพุ่ง 9% ทะลุแนวต้าน 6.00 บาท โบรกฯ มองผ่านจุดต่ำสุดปีหน้าพลิกโชว์กำไร
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) ปรับตัวขึ้นร้อนแรงสวนตลาดรวมปรับลดลงกว่า 10 จุด โดยเวลา 12.19 น. อยู่ที่ 6.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 8.85% มูลค่าซื้อขายหนาแน่น 126.82 ล้านบาท จากราคาเปิด 5.65 บาท และย่อลงต่ำสุด 5.55 บาท ก่อนมีแรงซื้อเก็งกำไรต่อเนื่องหนุนราคาหุ้นสูงสุด 6.15 บาท
บริษัทหลักทรัพย์โนมูระพัฒนสิน (CNS) ระบุว่า ราคาหุ้น STPI แกว่งบวกหลังซึมซับปัจจัยลบมานาน ล่าสุดประกาศข่าวลงทุนคลังสินค้าปทุมธานีและอยุธยา 73,459 ตรม. เพิ่ม Recurring ราว 40 ล้านบาทต่อปี และโอกาสได้งานใหม่ในอนาคตหลังโครงการ Canada LNG มี positive FID ในวันที่ 1 ต.ค.2561 และ โอกาสการได้รับค่าชดเชยโครงการ Ichthys มูลค่าราว $80mn คาดความคืบหน้าในช่วงต้นปี 2562 เป็น Upside Risk ต่อหุ้น จึงแนะนำเก็งกำไร แนวต้าน 6.00 บาท และ 6.20 บาท ส่วนแนวรับ 5.70 บาทและ 5.50บาท
บล.เอเซีย พลัส มอง STPI น่าจะผ่านจุดต่ำสุด โดยยังขาดทุนอีก 2 ไตรมาสปีนี้ โดยคาดผลการดำเนินงาน 3Q61 จะยังขาดทุนอีกประมาณ 100 ล้านบาท (ขาดทุนลดลง yoy) เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงในช่วงก่อนหน้า ทำให้ยังไม่สามารถหางานโครงการ Oil& Gas ขนาดใหญ่เข้ามาทดแทนได้ และต้องบันทึกต้นทุนคงที่มาโดยตลอด แต่เชื่อว่า 4Q61 จะขาดทุนเป็นไตรมาสสุดท้าย และจะพลิกกลับมามีกำไรตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นพัฒนาการเชิงบวกอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ 1. โครงการลงทุนพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ของ TOP งบประมาณเงินลงทุนประมาณ 4.8 พันล้านเหรียญฯ หรือราว 1.6 แสนล้านบาท มีส่วนงานเป็นงานแปรรูปเหล็ก (Fabrication) ราว 10% ซึ่ง STPI เป็นเพียงผู้รับเหมาไม่กี่รายที่มีความเชี่ยวชาญงานดังกล่าว ทำให้มีโอกาสสูง
2.งานประมูล LNG Module ในแคนาดาคาดจะกลับมาปลายปี 61 รวมทั้งงานรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยช่วงปี 62 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท 3. STPI ได้มีการลงทุนในบริษัท ดับเบิลยูพีจีอี เพชรบุรี จำกัด (สัดส่วน 60%) ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน กำลังการผลิตติดตั้ง รวม 7.9 เมกะวัตต์ คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ภายในปลายปี 61 และช่วยหนุนรายได้เพิ่มอีกราว 300 ล้านบาท ส่วนเรื่องคดีความที่คู่สัญญาชะลอการชำระเงินในประเทศออสเตรเลีย มีความเป็นไปได้ที่ STPI จะชนะคดี ทำให้มีโอกาสที่จะบันทึกกำไรพิเศษกลับราว 1200 ล้านบาท (จากที่ตั้งสำรองฯไปแล้ว)
อ่านประกอบ