POLY ตั้งเป้าโตปีละ 25% – ขาย IPO 6.80 บ. เปิดจอง 9-11 พ.ย.-เทรด SET วันแรก 16 พ.ย.

Hoonsmart.com>>“โพลีเน็ต” หรือ POLY ผู้ผลิตชิ้นส่วนยาง,พลาสติก, ซิลิโคนครบวงจร เคาะราคาขายหุ้น IPO หุ้นละ 6.80 บาท ค่า P/E 15 เท่า เปิดจอง 9-11 พ.ย. เข้าเทรดวันแรกใน SET 16 พ.ย.ในกลุ่มยานยนต์ ตั้งเป้า 3 ปี เติบโตปีละ 25-30% เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีมาร์จินสูงถึง 60% และ 25% ให้มีสัดส่วนเท่าผลิตภัณฑ์กลุ่มยานยนต์

นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัท โพลีเน็ต หรือ POLY เป็นผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนยาง,พลาสติก, ซิลิโคนครบวงจร สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์, เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ และ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ประกาศขายหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 6.80 บาท กำหนดเปิดให้จองซื้อระหว่าง 9 – 11 พ.ย.นี้ และเริ่มซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ(SET) วันที่ 16 พ.ย.หมวดยานยนต์(AUTO) ชื่อย่อหลักทรัพย์ POLY

บริษัท โพลีเน็ต ได้แต่งตั้งให้ บล. เคจีไอ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประกอบด้วย บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล. พาย, บล. หยวนต้า, บล. กรุงไทย เอ็กซ์สปริง, และ บล. คิงส์ฟอร์ด

ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 6.80 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 15.0 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ 1 ก.ค.64 – 30 มิ.ย.65) ทั้งนี้ POLY พิจารณานำ P/E ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของคู่เทียบกลุ่มยานยนต์ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วง 30-90 วันทำการ นับจากวันที่ 15 มิ.ย.65 – 27 ต.ค.65 มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมีค่าถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ P/E อยู่ระหว่าง 22.0 – 24.7 เท่า

จุดเด่นของ POLY บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เป็นทั้งผู้ผลิตแม่พิมพ์ และผลิตชิ้นงาน OEM ประสบการณ์ของทีมผู้บริหารกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจชิ้นส่วน ยาง พลาสติก และซิลิโคน อย่างครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลักที่มีการเติบโต ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ (Automotive) กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical)  และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products)

นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โพลีเน็ต หรือ POLY เปิดเผยว่าบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 785 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ 370 ล้านบาท ใช้สำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 320 ล้านบาท และใช้สำหรับลงทุนในโครงการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม 95 ล้านบาท

โครงการในอนาคต ประกอบด้วย โครงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ (พลาสติก) ในอาคารผลิต โรงงานที่ 1 สนับสนุนกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 550 ตันต่อปี (เพิ่มขึ้นประมาณ 16.6% จากกำลังการผลิตทั้งหมดในปี 64) แบ่งเป็น ค่าปรับปรุงบริเวณสายการผลิต ค่าระบบสาธารณูปโภค 19.5 ล้านบาท และเครื่องจักรผลิตตั้งแต่ 250 ตันถึง 650 ตัน จำนวน 11 เครื่อง เครื่องมืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวม 124.1 ล้านบาท ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ IRR 19% คาดจำนวนปีที่คืนทุน ประมาณ 5 ปี

ปัจจุบัน POLY มีโรงงาน 2 แห่ง อยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ บนพื้นที่ 48,000 ตรม. จำนวนพนักงานกว่า 700 คน ณ สิ้นปี 64 กำลังการผลิต 2 โรงงาน รวมประมาณ 3,300 ตันต่อปี อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมประมาณ 60% ขณะที่สิ้นไตรมาส 2/65 อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 70%

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท 50% มาจากผลิตภัณฑ์กลุ่มยานยนต์ มีอัตรากำไรขั้นต้น 20% โดยบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical) ให้มากขึ้น เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 60% และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค(Consumer Products) มีอัตรากำไรขั้นต้น 25% โดยบริษัทตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้จาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ในสัดส่วนเท่าๆกัน ภายใน 3-5 ปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีศักยภาพผลิตชิ้นส่วนยาง พลาสติก ซิลิโคน สำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆต่อไปในอนาคต อาทิ กลุ่มพลังงาน และคาดว่าในช่วง 3 ปีนี้ รายได้ของบริษัทจะเติบโตได้ปีละ 25-30% ขณะที่กำไรสุทธิก็จะเติบโตขึ้นจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นด้วย

ผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 62 – 64) บริษัทมีรายได้รวม  581.7 ล้านบาท 523.2 ล้านบาท และ 787.1 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากการขยายธุุรกิจเข้าสู่กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และการปรับกลยุทธ์ในด้านกำลังการผลิตใหม่ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 13.1 ล้านบาท 21.8 ล้านบาท และ 120.9 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้ง การใช้กำลังการผลิตโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.7% 19.2% และ 28.3% อัตรากำไรสุทธิ 2.3% 4.2% และ 15.4% ตามลำดับ

ด้านผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 รายได้รวม 527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% กำไรสุทธิ 78.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในวันที่ 14 พ.ย.นี้จะประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/65 และงวด 9 เดือน รวมถึงประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนด้วย

 

#POLY #POLYNET #IPO #KGI