SCCC กำไร Q3/65 ลด 11% เหลือ 603 ลบ. ต้นทุนวัตถุดิบ-เชื้อเพลิงพุ่ง

HoonSmart.com>> “ปูนซีเมนต์นครหลวง” เปิดกำไรไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 603 ล้านบาท ลดลง 11% จากงวดปีก่อน แม้ตลาดก่อสร้างฟื้นตัว หนุนรายได้สุทธิรวม 12,358 ล้านบาท เติบโต 40% ชี้พิษต้นทุนวัตถุดิบและเชื้อเพลิงพุ่งต่อเนื่องฉุดกำไร ประเมินความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ แรงกดดันเงินเฟ้อที่มีนัยสำคัญกระทบการเติบโตในตลาดหลักในปีนี้

บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 603.16 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.02 บาท ลดลง 10.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 676.41 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.27 บาท

ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2565 กำไรสุทธิ 2,760.02 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 9.26 บาท ลดลง 13.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,185.06 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 10.69 บาท

บริษัทฯ มีรายได้สุทธิในไตรมาส 3/2565 จำนวน 12,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 9 เดือนมีรายได้สุทธิ 37,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ตลาดการก่อสร้างโดยภาพรวมยังค่อนข้างแข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 3/2565 แม้สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย รวมถึงราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ความต้องการปูนซีเมนต์ในตลาดค้าปลีกยังชะลอตัวต่อเนื่อง ในขณะที่การขยายตัวของอุปสงค์จากโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ส่งผลให้ปริมาณการจําหน่ายปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นเล็น้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควดิ-19

ตลาดโดยรวมของกลุ่มบริษัทฯ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการกำหนดราคาจำหน่ายสินค้ามุ่งเป้าไปที่การสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นและเมื่อรวมกับปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์มากขึ้น ส่งผลให้รายได้สุทธิโดยรวมของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อน อยู่ที่ 12,358 ล้านบาท จาก 8,848 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามจากแรงกดดันด้านต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบเชื้อเพลิงบรรจุภัณฑ์และและการขนส่ง ตลอดจนต้นทุนการบํารุงรักษาเตาเผาปูนซีเมนต์สูงขึ้น ส่งผลลบต่อความสามารถในการทํากําไร แม้ว่าจะมีมาตรการบริหารประสทิธภิาพต้นทุนคงที่อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ผลการดําเนินงานที่อ่อนตัวลงของบริษัทร่วมส่งผลด้านลบต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ทำให้กําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อน กําไรสุทธิได้รับผลกระทบเช่นกันในระหว่างไตรมาส แม้ว่าการขาดทุนจากสกุลเงินตราต่างประเทศจากสกุลเงินของประเทศศรีลังกาจะลดลง

อย่างไรกต็ามเมื่อเทียบผลประกอบการเป็นรายปีรวมตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นไตรมาส 3 กําไรสุทธิยังคงอย่ใูนระดับสูงกว่าปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ไม่นับรวมสิทธิประโยชน์ทางภาษีครั้งเดียวในประเทศศรีลังกาจากอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดลงในช่วงไตรมาส 2 ของปีก่อน

ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนเชื้อเพลิง รวมถึงความไม่แน่นอนของห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลใหเ้งินทุนหมุนเวียนสุทธิ โดยรวมสูงขึ้นและวงจรเงินสดลดลง ดว้ยความระมัดระวังอย่างยิงต่อความเสี่ยงดังกล่าว กลุ่มบริษัทฯ ได้ต่ออายุวงเงินสินเชื่อระยะยาว 3,000 ล้านบาทก่อนครบกําหนดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการประกันสภาพคล่องในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย

สำหรับแนวโน้มช่วงที่เหลือของปีนี้ ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ อีกทั้งแรงกดดันเงินเฟ้อที่มีนัยสำคัญจะมีผลต่อการเติบโตในตลาดหลักของกลุ่มบริษัทในปี 2565 อย่างไรก็ตาม โครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐยังคงเป็นตัวสำคัญที่จะผลักดันอุปสงค์ของปูนซเีมนต์ในตลาด

ในขณะที่ภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั่วไปเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมจะยังคงไม่สดใส ผลกระทบต่อกําไรยังคงต้องได้รับการบรรเทาด้วยการส่งต่อต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ควบคู่ไปกับความพยายามในการบริหารต้นทุนอย่างยั่งยืน