HoonSmart.com>> 10 ธนาคารพาณิชย์โชว์ผลงานไตรมาสที่ 3/65 มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 53,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,172 ล้านบาท เติบโต 26.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่ดีตามคาด ยกเว้นบริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ต่ำกว่าคาด โดยมีธนาคารกรุงไทย (KTB) เป็นแชมป์กำไรพุ่งแรงที่สุด 67.2% เป็น 8,450 ล้านบาท รวม 9 เดือนทั้งระบบฟาดกำไรสุทธิ 159,609 ล้านบาท โต 13.6%
ทั้งนี้ KBANK มีกำไรสุทธิมากที่สุด 10,574 ล้านบาท เติบโต 22.5% ตามด้วย SCB มีกำไรสุทธิ 10,309 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.93% ในไตรมาสที่ 3
สาเหตุที่ทำให้กำไรของระบบธนาคารพาณิชย์ดีขึ้น มาจากการขยายตัวของสินเชื่อ ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลบวกต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) รวมถึงการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญธนาคารส่วนใหญ่มีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง
“ผยง ศรีวณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/2565 ที่เพิ่มขึ้นถึง 67% มีสาเหตุหลักจากรายได้รวมขยายตัว 11.5% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นตามสินเชื่อที่มีคุณภาพทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อย รวมถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้น 2 ครั้งในเดือนส.ค.และก.ย. รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น
ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 5,667 ล้านบาท ลดลง 30.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา
นอกจากนี้ธนาคารกรุงไทยก็เป็นแชมป์กำไรโตสูงสุดในงวด 9 เดือน เพิ่มขึ้น 53.7% เป็น 25,589 ล้านบาท จากรายได้รวมที่ขยายตัว 5.7% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ตามการเติบโตของสินเชื่ออย่างสมดุล และสามารถขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทุกแพลตฟอร์มทั้ง Krungthai NEXT Krungthai Connext เป๋าตัง และถุงเงิน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานผ่านช่องทางดิจิทัลของธนาคารมากกว่า 40 ล้านคน
ด้าน SCB กำไรโตเนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 27,714 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิและทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ในขณะที่สินเชื่อ ขยายตัว 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตั้งสำรองจำนวน 7,750 ล้านบาท ลดลง 22.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
กำไรที่ดีขึ้นของธนาคารแต่ละแห่ง ยิ่งทำให้หุ้นของแบงก์ถูกลง อาทิ ธนาคารกรุงเทพ(BBL) P/BV เทรดที่ 0.55 เท่าเท่านั้น ตกเป็นที่สนใจของนักลงทุนมากขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ลูกค้ามีความต้องการเงินทุนในการขยายธุรกิจ ลดการพึ่งพาการออกตราสารหนี้ที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ในภาวะอัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยีลด์) สูงขึ้น
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์กำไรสุทธิของระบบแบงก์ในไตรมาสที่ 4 และรวมทั้งปี 2565 จะดีขึ้น ตามการขยายตัวของสินเชื่อ ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ ช่วยเพิ่มความสามารถในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นมากขึ้น บล.หยวนต้าคาดบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) จะจ่ายเงินปันผลปีนี้ หุ้นละ 7.20 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7.7% ต่อปี นักวิเคราะห์บางรายคาดให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า 8% ต่อเนื่อง 3 ปี (2565-2567)
แม้หุ้นแบงก์ปรับตัวขึ้นรับข่าวกำไรไตรมาส 3/65 โตมาระดับหนึ่งแล้ว หากพิจารณาราคาหุ้น ยังถือว่าถูก เหมาะสำหรับการซื้อถือลงทุน มีโอกาสได้กำไรแถมเงินปันผลที่ดี ชนะการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทที่ยังมีความเสี่ยง ความผันผวน รวมถึงดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำแน่นอน