HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 90 จุด ท่ามกลางการรายงานผลการดำเนินงาน นักลงทุนจับตาตลาดพันธบัตร หลังบอนด์ยีลด์พุ่งต่อเนื่องแตะ 4.239% ราคาน้ำมันดิบขึ้น 43 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก หลังนายกรัฐมนตรีฯ อังกฤษลาออก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 20 ตุลาคม 2565 ปิดที่ 30,333.59 จุด ลดลง 90.22 จุด หรือ 0.30% ท่ามกลางการรายงานผลการดำเนินงาน ขณะที่นักลงทุนจับตาตลาดพันธบัตรซึ่งอัตราผลตอบแทนยังปรับตัวเพิ่มขึ้น
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,665.78 จุด ลดลง 29.38 จุด, -0.80%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,614.84 จุด ลดลง 65.66 จุด, -0.61%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีแตะระดับ 4.239% ซึ่งไรส์ วิลเลียมส์ จากSpouting Rock Asset Management ประเมินว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรน่าจะใกล้แตะระดับสูงสุดภายในไตรมาสนี้ ท่ามกลางสัญญานการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
ข้อมูลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ทำให้คาดว่าเฟดจะเดินหน้าเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
กระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงสู่ระดับ 214,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และต่ำกว่า 230,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด
ไมค์ โลเวนการ์ต จาก Global Investment Office ของ Morgan Stanley ชี้ว่าข้อมูลแรงงานไม่สามารถดึงความสนใจของนักลงทุนออกจากผลการดำเนินงาน แต่ข้อมูลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อที่ร้อนแรงในไม่ก่สัปดาห์ข้างหน้าจะมีผลต่อการคาดการณ์ดอกเบี้ยที่จะขึ้นอีก 0.75% ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการให้ความเห็นของนายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าในการคุมเงินเฟ้อ ดังนั้นเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูง 4% ภายในปลายปีนี้
ผลการดำเนินงานของหลายบริษัทช่วยไม่ให้ตลาดลดลงไปมาก โดยหุ้นเอทีแอนด์ที เพิ่มขึ้น 7.7% หุ้นไอบีเอ็มบวก 4.7% หลังรายงานผลกำไรดีกว่าคาด
หุ้นเทสลาลดลงลง 6.65% หลังรายงานผลประกอบการต่ำกว่าคาด และประเมินว่าอาจจะส่งมอบรถได้ต่ำกว่าเป้าหมายของปี 2022
เฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย รายงานดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกเดือนตุลาคมปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -8.7 จาก -9.9 ในเดือนกันยายน แต่ต่ำกว่า -5.0ที่นักวิเคราะห์คาด
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) รายงาน ยอดขายบ้านมือสองเดือนกันยายนลดลง 1.5% สู่ระดับ 4.71 ล้านยูนิต เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2012 และเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่8 ติดต่อกัน
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการลาออกของนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ แม้ทำหน้าที่ได้เพียง 44 วัน หลังแผนงบประมาณที่ลดภาษีทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วน
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังกังวลต่อเงินเฟ้อและการดำเนินนโยบายเชิงรุกของธนาคารกลาง ประกอบกับผลการดำเนินงานที่แย่กว่าคาดของกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และโนเกีย ทำให้วิตกต่อเศรษฐกิจถดถอย
นายเบน บรอดเดนท์ รองผู้ว่าการ ธนาคารกลางอังกฤษ กล่าวว่า การที่ตลาดมองว่าดอกเบี้ยจะขึ้นอีกในขนาดใหญ่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 398.77 จุด เพิ่มขึ้น 1.04 จุด, +0.26%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,943.91 จุด เพิ่มขึ้น 18.92 จุด +0.27%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,086.90 จุด เพิ่มขึ้น 46.18 จุด, +0.76%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,767.41 จุด เพิ่มขึ้น 26.00 จุด, +0.20%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 85.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 92.38ดอลลาร์ต่อบาร์เรล